
ถ้าวันไหนคุณรู้สึกว่าโลกช่างสดใส สีชมพู รอบข้างโอบล้อมด้วยน้ำใจไมตรี รอยยิ้ม และความงดงาม ผมอยากแนะนำให้คุณหาหนังการ์ตูนสุดคลาสสิกเรื่อง Grave of the Fireflies หรือ สุสานหิงห้อย มาดู เพื่อคุณจะได้เท่าทันชีวิตและตระหนักว่าโลกของเรานั้นยังมีอีกด้านหนึ่งที่โหดร้ายและอัปลักษณ์ อันที่จริง ถ้าคุณกำลังรู้สึกหดหู่ สิ้นหวัง การดูหนังเรื่องนี้จะช่วยให้คุณฮึดสู้ชีวิตต่อ พร้อมทั้งเห็นปัญหาเบื้องหน้าว่ามันช่างหยุมหยิมเสียเหลือเกิน เมื่อเทียบกับวิบากกรรมของสองตัวเอกในเรื่อง ซึ่งสูญเสียแม่ไปเพราะระเบิดนาปาล์มระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ส่งผลให้ทั้งคู่ต้องย้ายไปอยู่กับคุณป้าใจร้าย ที่เห็นพวกเขาเป็นเหมือนหมัดไร แต่ก็ไม่ลังเลที่จะขายชุดกิโมโนของแม่พวกเขาเพื่อนำเงินไปซื้อข้าว แล้วเก็บข้าวส่วนใหญ่ไว้กับตัวเอง ไม่นานเด็กชายจึงตัดสินใจพาน้องสาวหลบไปอยู่ถ้ำแห่งหนึ่งในชนบทของเมืองโกเบ แล้วพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะหาอาหารมาเลี้ยงปากท้อง
หนังดัดแปลงจากหนังสือกึ่งอัตชีวประวัติของ โนซากะ อากิยูกิ ซึ่งสูญเสียน้องสาวไประหว่างช่วงสงครามเนื่องจากขาดอาหาร หลังจากนั้นชีวิตเขาก็ถูกครอบงำด้วยความรู้สึกผิดมาโดยตลอด ถึงแม้จะเป็นการ์ตูน แต่อย่าคิดเปรียบเทียบหนังเรื่องนี้กับผลงานของดิสนีย์ หรือพิกซาร์อย่างเด็ดขาด ตรงกันข้าม อารมณ์โดยรวมของมันใกล้เคียงกับหนังต่อต้านสงครามชั้นยอดอีกเรื่องซึ่งมีเด็กเป็นตัวเอกเช่นกันอย่าง Forbidden Games (1952) มากกว่า ความน่าทึ่งอยู่ตรงที่พลังส่วนใหญ่ของ Grave of Fireflies ไม่ได้เกิดจากการเร้าอารมณ์แบบเมโลดราม่า แต่เป็นการนำเสนอทุกเหตุการณ์อย่างสมจริง ตรงไปตรงมา จนคนดูรู้สึกเหมือนเด็กทั้งสองมีเลือดเนื้อและตัวตน แม้โทนอารมณ์ของหนังจะค่อนข้างหม่นเศร้า โดยเฉพาะฉากจบที่อาจทำให้คุณหัวใจสลาย หรือร้องไห้เป็นเผาเต่าได้ง่ายๆ แต่บางฉากก็อบอวลไปด้วยอารมณ์นุ่มนวล เช่น ตอนที่เด็กทั้งสองช่วยกันจับหิงห้อยมาใส่ขวดโหล แล้วใช้มันแทนหลอดไฟในถ้ำ… นี่เป็นหนังที่ควรถูกนำไปฉายในทำเนียบขาวอย่างที่สุด
หนังดัดแปลงจากหนังสือกึ่งอัตชีวประวัติของ โนซากะ อากิยูกิ ซึ่งสูญเสียน้องสาวไประหว่างช่วงสงครามเนื่องจากขาดอาหาร หลังจากนั้นชีวิตเขาก็ถูกครอบงำด้วยความรู้สึกผิดมาโดยตลอด ถึงแม้จะเป็นการ์ตูน แต่อย่าคิดเปรียบเทียบหนังเรื่องนี้กับผลงานของดิสนีย์ หรือพิกซาร์อย่างเด็ดขาด ตรงกันข้าม อารมณ์โดยรวมของมันใกล้เคียงกับหนังต่อต้านสงครามชั้นยอดอีกเรื่องซึ่งมีเด็กเป็นตัวเอกเช่นกันอย่าง Forbidden Games (1952) มากกว่า ความน่าทึ่งอยู่ตรงที่พลังส่วนใหญ่ของ Grave of Fireflies ไม่ได้เกิดจากการเร้าอารมณ์แบบเมโลดราม่า แต่เป็นการนำเสนอทุกเหตุการณ์อย่างสมจริง ตรงไปตรงมา จนคนดูรู้สึกเหมือนเด็กทั้งสองมีเลือดเนื้อและตัวตน แม้โทนอารมณ์ของหนังจะค่อนข้างหม่นเศร้า โดยเฉพาะฉากจบที่อาจทำให้คุณหัวใจสลาย หรือร้องไห้เป็นเผาเต่าได้ง่ายๆ แต่บางฉากก็อบอวลไปด้วยอารมณ์นุ่มนวล เช่น ตอนที่เด็กทั้งสองช่วยกันจับหิงห้อยมาใส่ขวดโหล แล้วใช้มันแทนหลอดไฟในถ้ำ… นี่เป็นหนังที่ควรถูกนำไปฉายในทำเนียบขาวอย่างที่สุด
เป็นการ์ตูนที่แสนเศร้าสุดๆ...
ตอบลบจำได้ว่าดูรอบแรก อารมณ์หดหู่มากๆ
นึกไม่ถึงว่าโลกจะโหดร้ายกับเด็กสองคนเช่นนี้
แต่ในภาวะสงคราม เราจะโทษว่าผู้อื่นใจร้ายใจดำก็คงไม่ได้
ทุกคนต่างก็ต้องหาทางเอาชีวิตตัวเองให้รอดไว้ก่อน
J. ยังนึกภาพตัวเองไม่ออกเลยนะ
ว่าถ้าชีวิตต้องตกอยู่ในสภาวะสงคราม J. จะเป็นคนยังไง
ไม่รู้ว่าจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวสุดๆ แบบคุณป้าใจร้ายในการ์ตูนเรื่องนี้อ่ะ่ป่าว
วันก่อนหยิบมาดูอีก น้ำตาไหลไปหลายตุ่ม
ฉากเดียวกับที่แนะนำเลยอ่ะ
แล้วก็หยิบ Nada Sou Sou มาดูต่อ
ร้องไห้เป็นเผาเต่ายิ่งกว่าอีกเนาะ
สงสาร "นีนี่" อ่ะ...