วันอังคาร, ธันวาคม 23, 2551

Short Replay: สะบายดี หลวงพะบาง


นี่เป็นหนังตลก-โรแมนติกที่เหนือความคาดหมายของผมมากๆ เสียดายเหลือเกินที่ไม่ได้แวะไปอุดหนุนผลงานดีๆ แบบนี้ในโรงภาพยนตร์ (พอมานั่งนึกๆ ดูแล้ว รู้สึกว่าผมจะได้ดูแต่ผลงานบ้าๆ บอๆ เลอะเทอะ ไร้สาระ และชวนให้อยากลุกขึ้นปารองเท้าใส่จอซะมากกว่า คิดแล้วก็กลุ้มใจตัวเอง) เรื่องราวของหนังค่อนข้างเรียบง่าย แต่งดงาม และแฝงความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ในรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งไม่ได้ถูกบีบคั้น หรือตอกย้ำอะไรมากมาย สะท้อนให้เห็นถึงรสนิยมอันดีของผู้สร้าง อารมณ์ขันแบบใสซื่อช่วยเบรกความเอียนจากมุกตลกคาเฟ่ที่อัดแน่นทั้งในโรงหนังและหน้าจอทีวีได้อย่างยอดเยี่ยม และที่สำคัญ สองนักแสดงนำก็เล่นเข้าคู่กันได้น่ารักเหลือเกิน เมื่อผนวกกับวิวทิวทัศน์อันเจริญหูเจริญตา ความเพลิดเพลินเจริญใจของผู้ชมจึงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม

สอน (อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม) ช่างภาพลูกครึ่งออสเตรเลีย-ลาวได้รับมอบภารกิจให้เดินทางไปยังประเทศลาวเพื่อถ่ายรูปท่องเที่ยว เขาเลยถือโอกาสนี้สำรวจรากเหง้าของตน ตลอดจนค้นพบความลับบางอย่างเกี่ยวกับ “รักที่หลุดลอยไป” ของพ่อเขา ที่นั่น เขาตกหลุมรักกับไกด์สาวชาวลาว (คำลี่ พิลาวง) ซึ่งมักจะพบเจอแต่พวกนักท่องเที่ยวฝรั่งประเภทปากว่ามือถึง บุคลิกอ่อนโยนและสุภาพของสอนทำให้เธอประหลาดใจ บางทีอาจเป็นเพราะเขามีความเป็น “ลาว” อยู่ในสายเลือดมากกว่า “ฝรั่ง” แต่เมื่อพูดถึงประเด็นความรัก สอนกลับไม่พร้อมจะประนีประนอมต่ออุปสรรคขวากหนามแห่งสถานการณ์ วัฒนธรรม หรือเส้นกั้นพรมแดน บทเรียนจากความผิดพลาดของพ่อเขาบอกให้สอนตัดสินใจ “ทำทุกวิถีทางให้ได้อยู่กับคนที่เรารัก”

จุดเด่นประการหนึ่งที่ทำให้ผมชื่นชอบ สะบายดี หลวงพะบาง อย่างมาก อยู่ตรงความพอดีของการนำเสนอทั้งอารมณ์ขัน ประเด็นของหนัง หรือกระทั่งจุดผกผันตามสูตรหนังตลก-โรแมนติก ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป จนกลายเป็นเสน่ห์แบบที่พบเห็นไม่บ่อยนักในภาพยนตร์ไทย ยกตัวอย่างฉากหนึ่งที่ไกด์สาวพาสอนไปแนะนำให้รู้จักกับแม่ของเธอ ซึ่งสอบประวัติชายหนุ่มซะละเอียดยิบ ถ้าเป็นหนังไทยอีกหลายเรื่อง ทุกอย่างคงโฉ่งฉ่าง แสดงให้เห็นความพยายามที่จะเรียกเสียงหัวเราะอย่างออกนอกหน้า ตรงกันข้าม หนังเรื่องนี้กลับนำเสนอมันอย่างเรียบง่าย ไม่เน้นย้ำ แต่ก็ทำให้คนดูอดอมยิ้มอย่างละมุนไม่ได้

ไม่มีความคิดเห็น: