วันอาทิตย์, มิถุนายน 25, 2549
น่าสมเพช หรือ โรแมนติก?
ระหว่างอาสาเป็นคนขับรถพยาบาลในสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่ประเทศอิตาลี หนุ่มน้อยวัย 18 ปีนาม เออร์เนส เฮมมิ่งเวย์ ได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิด จนทำให้เขาต้องเข้าไปนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลานาน ที่นั่น เขาได้พบกับรักแรกและรักแท้เพียงหนึ่งเดียว แอ็กเนส ฟอน คูโรวสกี้ พยาบาลสาววัย 26 ปี ชาวอเมริกัน ซึ่งทำหน้าที่คอยดูแลเขา เฮมมิ่งเวย์ตกหลุมรักเธอตั้งแต่แรกพบ ส่วนเธอเองก็ดูจะมีใจให้เขาไม่น้อย เขาอยากแต่งงานกับเธอ แต่ด้วยอายุที่แตกต่างกันหลายปี เธอจึงตอบปฏิเสธ หลังจากเฮมมิ่งเวย์หายดีแล้ว เขายังคงเขียนจดหมายหาเธอเป็นประจำ จากนั้น ในวันที่ 7 มีนาคม 1919 เธอก็เขียนจดหมายหาเขาเพื่อบอกเลิกความสัมพันธ์
em>เออร์นี่ หนูน้อยที่รัก
ฉันเขียนจดหมายฉบับนี้ในตอนกลางดึก หลังจากได้ทบทวนเกี่ยวกับตัวเองอยู่นาน ฉันไม่อยากทำร้ายจิตใจเธอ แต่ฉันมั่นใจว่าจดหมายฉบับนี้จะไม่ทำอันตรายแก่เธอเป็นการถาวร
ก่อนเธอจากไป ฉันพยายามชักจูงตัวเองให้เชื่ออยู่พักใหญ่ว่าความสัมพันธ์ของเราเป็นรักแท้ แต่ดูเหมือนเราจะเห็นแตกต่างกันอยู่เสมอ และความขัดแย้งเหล่านั้นก็ทำให้ฉันอ่อนล้า จนกระทั่งตัดสินใจยอมแพ้ในที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้เธอกระทำการอันสิ้นหวัง
ตอนนี้หลังจากเราได้แยกห่างกันมาสองสามเดือน ฉันจึงรู้ว่าฉันยังชอบเธออยู่มาก แต่ในฐานะแม่มากกว่าคนรัก มันไม่ผิดหรอกหากจะบอกว่าฉันยังเด็กอยู่ แต่ฉันไม่ใช่เด็กแล้ว และก็จะเติบใหญ่มากขึ้นทุกวัน
ฉะนั้น หนูน้อย (เธอยังคงเป็นหนูน้อยสำหรับฉันและจะเป็นเสมอไป) เธอจะยกโทษให้ฉันได้ไหม หากฉันทรยศเธอ เธอก็รู้ว่าฉันไม่ใช่คนเลวร้ายและไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายเธอ ตอนนี้ฉันตระหนักแล้วว่ามันเป็นความผิดของฉันตั้งแต่แรกที่ทำให้เธอห่วงใยฉัน และฉันก็เสียใจอย่างสุดซึ้ง แต่ฉันยังคงแก่เกินไปสำหรับเธอและจะเป็นเช่นนั้นเสมอไป นั่นคือความจริง ฉันคงไม่มีวันลืมได้ว่าเธอยังเป็นแค่เด็กชาย... เป็นหนูน้อยคนหนึ่ง
สักวันฉันคงได้ภูมิใจในตัวเธอ ฉันรู้ดี และหนูน้อยที่รักของฉัน ฉันแทบจะทนรอให้วันนั้นมาถึงแทบไม่ไหว แต่มันไม่ใช่เรื่องดีที่จะเร่งตัดสินใจเกี่ยวกับอาชีพการงาน
ฉันพยายามอย่างยิ่งที่จะอธิบายให้เธอเข้าใจว่าฉันคิดอะไรอยู่ระหว่างการเดินทางจากพาดัวไปยังมิลาน แต่เธอทำตัวเหมือนเด็กนิสัยเสีย และฉันก็ไม่อาจทำร้ายจิตใจเธอต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เมื่อได้อยู่ห่างไกลจากเธอ ฉันกลับมีความกล้ามากขึ้น
สิ่งที่ฉันจะบอกเกิดขึ้นอย่างฉับพลันสำหรับฉันเหมือนกัน นั่นคือ ฉันกำลังจะแต่งงานในเร็ววันนี้ ฉันเฝ้าหวังและสวดภาวนาว่าหลังจากเธอได้คิดใคร่ครวญทุกอย่างโดยรอบคอบแล้ว เธอจะให้อภัยฉัน และเริ่มต้นอาชีพอันยอดเยี่ยมของเธอ
ด้วยรักและชื่นชม
เพื่อนของเธอ
แอ็กกี้
คำตอบของเฮมมิ่งเวย์ไม่ได้รับการเผยแพร่ เนื่องจากแฟนหนุ่มของแอ็กเนสได้เผาจดหมายทุกฉบับของเฮมมิ่งเวย์ทิ้งไปแล้ว แต่ในจดหมายฉบับหนึ่งที่เฮมมิ่งเวย์เขียนถึงเพื่อนของเขา ชายหนุ่มได้สารภาพว่าเขาพยายามจะลืมเธอด้วยการดื่มเหล้าอย่างหนักและสานสัมพันธ์กับผู้หญิงมากหน้าหลายตา
เขาแต่งงานหลายครั้ง (ภรรยาคนแรกของเขามีอายุมากกว่าแอ็กเนสเสียด้วยซ้ำ) แต่ยอมรับว่าภรรยาทุกคนล้วนเป็นเพียงตัวแทนของแอ็กเนส เฮมมิ่งเวย์เสียชีวิตด้วยการยิงตัวตายขณะมีวัยได้ 61 ปี โดยที่จดหมายหลายฉบับของแอ็กเนสยังคงถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี
ความทรงจำเกี่ยวกับแอ็กเนสไม่เคยเลือนหายไปจากใจของเฮมมิ่งเวย์ เธอกลายเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวละครเอก แคทเธอรีน เบคลีย์ ในนิยายคลาสสิกของเฮมมิ่งเวย์เรื่อง A Farewell to Arms (1929) รวมไปถึงตัวละครในเรื่องสั้นอีกสองเรื่อง คือ A Very Short Story และ The Snows of Kilimanjaro
ในฉากจบของ In Love and War (1996) หนังอิงชีวประวัติวัยหนุ่มของเฮมมิ่งเวย์กำกับโดย ริชาร์ด แอทเทนโบโรว์ แอ็กเนส (แซนดร้า บูลล็อค) ได้เดินทางมาพบเออร์เนส (คริส โอ’ดอนเนลล์) ที่กระท่อมกลางป่าเพื่อสารภาพรักกับเขา และถามหาโอกาสที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่ แต่เขากลับตอบปฏิเสธ
หนังไม่ได้อธิบายชัดเจนว่าเพราะเหตุใด แต่เราคนดูสามารถคาดเดาได้ไม่ยากว่า เออร์เนสยังคงรักแอ็กเนสอยู่ไม่เสื่อมคลาย เพียงแต่ความหยิ่งทะนงและศักดิ์ศรีลูกผู้ชายในตัวของนักเขียน ผู้ได้รับสมญานามว่า “ลูกผู้ชายขนานแท้” ได้ผลักดันให้เขาต้องการเอาชนะคะคานกลับคืน โดยหารู้ไม่ว่า ท้ายที่สุดแล้ว ผู้แพ้กลับกลายเป็นตัวเขานั่นเอง
การฟันฝ่าประสบการณ์ชีวิตอันโชกโชนนับแต่ออกทะเล เป็นนักข่าว นักมวย นักสู้วัวกระทิง จนถึงพรานล่าสัตว์ ทำให้เฮมมิ่งเวย์ได้รับสมญานามข้างต้น แต่หากมองในมุมกลับ ทั้งหมดดูเหมือนเพียงความพยายามของเฮมมิ่งเวย์ที่จะลบคำสบประมาทของแอ็กเนส ผู้มีวัยวุฒิสูงกว่าและชอบเรียกเขาว่า “หนูน้อย” มันคือความพยายามที่จะกลบเกลื่อนปมด้อย “อ่อนหัด” ซึ่งแอ็กเนสนำมาใช้เป็นข้ออ้างในการตัดสัมพันธ์เขา
เฮมมิ่งเวย์เคยเขียนประโยคคลาสสิกเอาไว้ใน The Old Man and the Sea ผลงานที่ทำให้เขาได้รับรางวัลพูลิทเซอร์และรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมว่า “มนุษย์เรานั้นถูกทำลายได้ แต่แพ้ไม่ได้” ทว่าชีวิตจริงของเขากลับตรงกันข้าม เฮมมิ่งเวย์เสียชีวิตไปพร้อมกับความสิ้นหวัง เมื่อชีวิตของเขาต้องทนทุกข์ทรมานมาตลอดเพียงเพราะการตัดสินใจผิดพลาดแค่ครั้งเดียว ชื่อเสียง เงินทอง การยอมรับ และรางวัลอันทรงคุณค่าทั้งหลาย ไม่อาจทำให้เขาค้นพบความสงบสุขแห่งชีวิตได้ และผู้หญิงทั้งหลายที่ผ่านมาในชีวิตของเขา ก็ไม่อาจเทียบเท่าได้กับรักแรกอันบริสุทธิ์...
ความรักที่เขาไม่มีวันลืม แม้กระทั่งในนาทีสุดท้ายของชีวิต
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
6 ความคิดเห็น:
ว้าย ตายแล้ว
รูปใครก็ไม่รู้ที่อยู่ทางด้านขวามือ...เท่ห์มาก ๆ
ปล. ขอแสดงความยินดีกับเว็ปบล็อกใหม่แห่งนี้ด้วยจ้า
ขอบคุณนะจ๊ะ หาแทบตายกว่าจะเจอรูปที่ 'พอดูได้' มาสักรูป เคล็ดลับ คือ ต้องเป็นรูปที่ไม่เห็นหน้าชัดๆ 5555
ขอแสดงความยินดีด้วยกับบล็อกใหม่นะครับ เอาไว้จะแวะเข้ามาบ่อยๆนะครับ แต่ถ้าจะให้บ่อยมากๆๆๆ อาจจะต้องถามเคล็ดลับพี่อ้วนอยู่สักหน่อยนะครับ ฮ่าๆๆๆ ล้อเล่น
ขอบคุณน้อง zm ที่แวะมาครับ 555 จริงๆ ได้เคยพูดกับอ้วนไว้แล้วว่าบล็อกของพี่คงไปแข่งกับของอ้วนไม่ได้หรอก คือว่าความสามารถมันต่างกันน่ะ ไม่รู้ไปสรรหามาได้ยังไง เก่งมั่กๆ เข้าทีไร ใจสั่นทุกที
รูปหล่ออย่างแรงเลยค่ะ ยิ่งก้มยิ่งหล่อค่ะ อิอิอิ
แสดงความคิดเห็น