วันอังคาร, เมษายน 24, 2550

จาก เวอร์จิเนีย เทค ถึง แสงศตวรรษ


วันก่อนได้อ่านบทความเกี่ยวกับโศกนาฏกรรมใน เวอร์จิเนีย เทค เขาเขียนถึงบทสัมภาษณ์บุคคลที่มีจุดยืนสนับสนุนการพกปืนในอเมริกา ซึ่งให้ความเห็นว่าถ้านักเรียนและอาจารย์ได้รับอนุญาตให้พกพาปืนในโรงเรียนละก็ ไอ้หนุ่มบ้าเลือดผู้นั้นคงไม่สามารถคร่าชีวิตเหยื่อบริสุทธิ์ได้ถึง 32 คนอย่างแน่นอน เพราะนักเรียนและอาจารย์จะต้องใช้ปืนยิงป้องกันตัว!!!

ความคิดแวบแรกในหัวผม คือ “มึงคิดได้ยังไง (วะ)?” ตามมาด้วย “มึงใช้อะไรคิด (วะ) หัวหรือส้นตีน?” เพราะมันคิดกันแบบนี้น่ะสิ สงครามถึงไม่หมดสิ้นไปจากโลกเสียที แทนที่โศกนาฏกรรมดังกล่าวจะทำให้พวกเขานึกทบทวนกฎหมายการครอบครองปืน (ในอเมริกา ความพิลึกพิลั่นของกฎหมาย คือ เด็กอายุ 18 ปีที่ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมร้ายแรงสามารถเดินไปซื้อปืนได้สบายๆ แต่ถ้าคุณจะซื้อเหล้า คุณต้องอายุ 21 ปีก่อน!!??? บางคนเขาถึงพูดกันว่าในอเมริกา คุณสามารถซื้อปืนได้ง่ายกว่าซื้อยาแก้หวัดเสียอีก เพราะการจะซื้อยาแก้หวัด บางทีคุณต้องมีใบสั่งยาจากแพทย์) พวกเขากลับใช้สีข้างเข้าถู สนับสนุนจุดยืนความคิดดั้งเดิมของตัวเองอย่างมืดบอด

นี่แหละหนอ... มนุษย์

วันเดียวกันนั้น ผมได้เข้าไปอ่านบทสัมภาษณ์ของสมาชิกกองเซ็นเซอร์ท่านหนึ่ง (ในบทความเขาไม่ขอออกนาม คาดว่ากลัวจะโดนคนด่า แต่ต่อมาผมก็ได้ทราบอยู่ดีว่ามันคนนั้นเป็นอาจารย์ที่เคยสอนผมในมหาวิทยาลัย... เฮ้อ อนิจจัง คนเป็นครูบาอาจารย์ เหตุไฉนถึงคิดได้แค่นี้) ซึ่งแสดงความเห็นแบบสุนัขไม่รับประทานต่อฉากต่างๆ ที่มีปัญหาในหนังเรื่อง “แสงศตวรรษ” เอาไว้มากมาย

ความคิดแวบแรกในหัวผม คือ “มึงคิดได้ยังไง (วะ)?” ตามมาด้วย “มึงใช้อะไรคิด (วะ) หัวหรือส้นตีน?” เพราะมันคิดกันแบบนี้น่ะสิ ภาพยนตร์ในเมืองไทยถึงยังไม่พัฒนาไปไหน และประชาธิปไตยของเราถึงยังล้มลุกคลุกคลานตลอดเวลาหลายสิบปี ผมเข้าใจว่ากฎหมายเซ็นเซอร์มันโบราณ จำเป็นต้องได้รับการเปลี่ยนแปลง แต่บทสัมภาษณ์นั้นมันแสดงให้เห็นสติปัญญาของคนถูกสัมภาษณ์มากกว่าสะท้อนให้เห็นช่องโหว่ในกฎหมายเกี่ยวกับภาพยนตร์

ผมไม่รู้ว่าอะไรพิลึกพิลั่นกว่ากันระหว่างกฎหมายการครอบครองปืนในอเมริกา กับกฎหมายที่ให้อำนาจกับบุคคล ซึ่งคิดว่าภาพอวัยวะเพศชายแข็งตัวในกางเกงเป็นเรื่องลามกอนาจาร ชั่วร้าย บัดซบ และไม่ควรเผยแพร่ให้ใครเห็น ไม่ว่าจะเป็นเด็กวัยรุ่น หรือตาแก่วัย 80 ปี ที่น่าตลก (แต่ไม่น่าแปลกใจ) ก็คือ ไอ้คนๆ นั้นมันกำลังใช้ชีวิตอยู่ในประเทศที่ได้ชื่อว่ามีธุรกิจการค้าเนื้อมนุษย์อันเลื่องลือที่สุดแห่งหนึ่งเสียด้วย (ข้อความนี้ เราทุกคนเข้าใจกันเองนะครับ แต่อย่าได้ไปปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษรที่ไหนอย่างเด็ดขาด เพราะเราจะขอประท้วงว่ามันไม่เป็นความจริง เสร็จแล้วเราก็จะเดินไปสีลม ซื้ออีตัวมาฟันที่โรงแรม แล้วกลับไปหาเมียที่บ้าน)

นี่ยังไม่ต้องพูดถึงความเห็นชั่วๆ ต่ออีกสามฉากที่กลายเป็นปัญหานะครับ

ผมเชื่อว่าหากเรามองหนังเรื่อง “แสงศตวรรษ” โดยภาพรวมแล้ว ความรู้สึกแรกที่ได้ คือ ความบริสุทธิ์ ความสวยงาม มันเป็นหนังที่ไม่คุกคาม หรือก้าวร้าวแม้แต่น้อย ทุกฉากที่เป็นปัญหาล้วนได้รับการนำเสนอแบบผ่านๆ เป็นแค่ส่วนหนึ่งของภาพรวม ของโทนอารมณ์โดยรวม แต่ถ้าคุณยืนกรานที่จะมองแบบเจาะจงตามตัวอักษร แน่นอน มันย่อมกลายเป็นปัญหา มันก็เหมือนความเห็นของคนที่สนับสนุนกฎหมายครอบครองปืนนั่นแหละ เมื่อคุณจงใจจะหาเหตุผลเข้าข้างความคิดตัวเองอย่างมืดบอด มันก็เปล่าประโยชน์ที่จะโต้เถียง

ไม่มีความคิดเห็น: