วันพฤหัสบดี, มกราคม 10, 2551

หนังแห่งความประทับใจ


รักแห่งสยาม: นอกจากคุณค่าในตัวของมันเองแล้ว รักแห่งสยามยังช่วยกระเทาะปอกเปลือกให้เห็นทัศนคติเบื้องลึกของคนในสังคมจำนวนไม่น้อยเกี่ยวกับ “ความแตกต่าง” และ “ความเป็นอื่น”

Bridge to Terabithia: ทำไมถึงไม่มีใครก่นด่าการโปรโมตของหนังเรื่องนี้ ซึ่งเนื้อในหาใช่มหากาพย์แฟนตาซีดังคำโฆษณา แต่เป็นผลงานดราม่าเกี่ยวกับช่วงเปลี่ยนผ่านของวัยรุ่นที่อบอุ่น งดงาม และจับใจ

The Lives of Others: ความมหัศจรรย์อยู่ตรงที่ผู้กำกับพยายามจะพูดถึงหลายสิ่งหลายอย่าง และประสบความสำเร็จอย่างครบถ้วนสมบูรณ์แบบในทุกแง่มุม ส่วนฉากไคล์แม็กซ์ของหนังก็ถือว่าบีบคั้นหัวใจระดับสุดยอด

The Simpsons Movie: หลงรักครอบครัวตัวเหลืองมาตั้งนานหลายปีแล้ว ดูทีไรก็มีความสุขทุกที และการได้เห็นพวกเขากระโดดมาโลดแล่นบนจอภาพยนตร์ก็เปรียบเหมือนความฝันที่กลายเป็นจริง

The Queen: ดูสนุกและลุ้นระทึกอย่างไม่น่าเชื่อ หนังพิสูจน์ให้เห็นว่าความนิยมชมชอบนั้นหาได้เกิดขึ้นจากอากาศธาตุ หากแต่ต้องลงแรงก่อสร้างด้วยความยากลำบาก และอาจจะยากยิ่งกว่าในการดำรงรักษามันไว้

ดาราชาย

มาริโอ้ เมาเร่อ (รักแห่งสยาม): ดูเหมือนไม่ได้เล่นอะไร แต่ความเป็นธรรมชาติที่เหมาะกับบทของเขาทำให้โต้งกลายเป็นตัวละครที่น่าสงสารเห็นใจอย่างยิ่ง

วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์ (รักแห่งสยาม): ได้ใจคนดูไปแบบเต็มร้อยกับฉากสุดท้ายของหนัง

ลีโอนานาโด ดิคาปริโอ (Blood Diamond): แมนมากๆ ในสไตล์เดียวกับพระเอกหนังยุคสตูดิโอรุ่งเรือง

ซาโตชิ ทสึมาบุกิ (Nada Sou Sou): อบอุ่น น่ารักเหนือคำบรรยาย

อูลริช มูห์ (The Lives of Others): การแสดงของเขาน่าจะเรียกได้ว่า “มหัศจรรย์”

ดาราหญิง

ลลิตา ปัญโญภาส (พลอย): แม้บทจะเต็มไปด้วยความหลากหลาย ซับซ้อนทางอารมณ์ จนบางครั้งถึงขั้นก้าวไปไกลเกินความ “สมจริง” แต่เธอกลับทำให้คนดูเชื่อตัวละครในทุกย่างก้าว

สินจัย เปล่งพานิช (รักแห่งสยาม): ทำไมเธอถึงไม่มีหนังให้เล่นมากกว่านี้

เฮเลน เมียร์เรน (The Queen): คู่ควรกับทุกรางวัลที่กวาดมา สีหน้าเธอตอนรู้ว่าช่อดอกไม้ของเด็ก ซึ่งยืนรอรับเสด็จอยู่หน้าพระราชวัง เป็นช่อดอกไม้สำหรับเธอนั้นถือว่าล้ำค่าเหนือราคาจริงๆ

เอเดรียนา บาร์ราซา (Babel): ฉากที่เธอให้ปากคำกับตำรวจสามารถทำให้คนดูหัวใจสลายได้เลย

รินโกะ คิคูชิ (Babel): หล่อนช่างกล้า

ความคิดเห็น

ผมชื่นชมและชื่นชอบผลงานของ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล ทุกชิ้น (เท่าที่มีโอกาสได้ดู) แต่โดยส่วนตัวแล้วอาจกล่าวได้ว่า แสงศตวรรษ เป็นหนังที่มอบความสุขให้กับผมสูงสุด แน่นอน เช่นเดียวกับผลงานเรื่องอื่นๆ ก่อนหน้า มันยังคงอัดแน่นด้วยอารมณ์ขัน ความท้าทายในเชิงการเล่าเรื่อง และประเด็นวิพากษ์สังคมอันลุ่มลึก แต่สิ่งหนึ่งที่เพิ่มเข้ามา คือ กลิ่นอายโรแมนติก ซึ่งถูกนำเสนอแบบไม่เร่งเร้า ไม่โน้มนำ จนมันค่อยๆ ซึมลึกสู่จิตสำนึก

ความที่มัน “ดูสนุก” และค่อนข้างเข้าถึงได้ง่าย (เทียบกับมาตรฐานของหนังอภิชาติพงศ์) เพราะพูดเกี่ยวกับเรื่องความรัก ความสัมพันธ์ หลายคนจึงเชื่อว่าหนังเรื่องนี้น่าจะช่วยผลักดันให้ชื่อเสียงของผู้กำกับที่นักวิจารณ์ทั่วโลกพากันยกย่องขจรขจายในประเทศบ้านเกิดมากขึ้น แต่สุดท้าย อย่างที่เราส่วนใหญ่ทราบกันดี ความฟอนเฟะของระบบและความใจแคบของคนบางกลุ่มได้สกัดกั้นไม่ให้หนังเรื่องนี้เข้าฉายตามโรงภาพยนตร์

ปรากฏการณ์ดังกล่าวสร้างความรู้สึกหวานปนขมอย่างบอกไม่ถูก ในแง่หนึ่ง ผมรู้สึกภูมิใจที่ได้ชมภาพยนตร์ฝีมือคนไทย ซึ่งงดงาม กล้าหาญ และเปี่ยมเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขนาดนี้ (อันที่จริงหลังจาก สุดเสน่หา ผมก็ไม่ “ตื่นตะลึง” กับคุณภาพงานอันเหนือชั้นของหนังอภิชาติพงศ์อีกต่อไป แม้จะเซอร์ไพรซ์อยู่บ้างเมื่องานของเขายังสามารถพุ่งสูงเกินความคาดหวังอันลิบลิ่วของผมในบางครั้ง ดังเช่นกรณีของ แสงศตวรรษ) ดีใจที่ได้เห็นมันค้นพบที่ทางในระดับนานาชาติ แต่ขณะเดียวกันผมก็รู้สึกเสียใจกึ่งละอายใจ เมื่อพบว่าคนไทยจำนวนไม่น้อยนอกจากจะมองไม่เห็นคุณค่าของเพชรเม็ดงามเบื้องหน้าแล้ว พวกเขายังขว้างมันทิ้งอย่างไม่แยแส

7 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

รินโกะ คิคูชิ (Babel): หล่อนช่างกล้า

เห็นด้วยมาก

เชื่อหรือไม่ว่า หลังจากดู Babel จบ

สิ่งแรกที่ผมทำเมื่อถึงบ้านคือ เขียนจดหมายรักหาเธอ 5555

(ส่งจริงๆ ด้วยนะ)

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

^
^
ส่งถึงมั้ยเนี่ย คนข้างบน

NUNAGGIE กล่าวว่า...

รักป๋านะคะ เขียนได้สนุกมากค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ชอบเหมือนผมหลายเรื่องเลย

ทำไมไม่มีแบบเลือดสาดมั่งเนอะ

ถามดีก่า...หนังเลือดสาดปีที่ผ่านมาชอบเรื่องไร

Riverdale กล่าวว่า...

นึกไม่ออก หนังเลือดสาด รู้สึกจะไม่ได้ชอบเรื่องไหนเป็นพิเศษ

Pan's Labyrinth ถือว่าเข้าข่ายไหม หนังมันโหดร้ายมากๆ เลือดสาดก็หลายฉากอยู่ เป็นหนังที่ดูแล้วรู้สึกว่าหนังโคตรดีเลย แต่ไม่อยากดูซ้ำ เหมือนหนังอย่าง Seven ของ เดวิด ฟินเชอร์ นั่นแหละ

ล่าสุดที่เลือดสาดพอควร (จนโดนเซ็นเซอร์) และชอบมาก คือ Eastern Promises ของ เดวิด โครเนนเบิร์ก ผู้กำกับขวัญใจ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เดอะควีนฉากจดหมายนั่น ผมน้ำตาแตกกระจุย

Unknown กล่าวว่า...

เพิ่งได้มีโอกาสดู แสงแห่งศตวรรษครับ เห็นด้วยครับเรื่องอารมณ์ขันแบบเจ้ย มีเสน่ห์มาก แต่พอเผลอหลับไป ตื่นมาท้ายเรื่อง อารมณ์ผมหลุดไปแล้ว เหลือแต่ความอึดอัดครับ เหอะๆ