วันจันทร์, กันยายน 22, 2551

ฝ่าขีดจำกัด


ระหว่างนั่งดูหนังเรื่อง Dive!! ซึ่งโดยรวมดัดแปลงมาจากนิยายของ โมริ เอโตะ ได้ค่อนข้างซื่อสัตย์ ผมรู้สึกสะดุดใจกับการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดบางอย่าง นั่นคือ ในหนังโทโมะกิไม่มีสายเลือดนักกีฬาอยู่เลยสักนิด แต่ในนิยายต้นฉบับ พ่อของเขาเล่นเบสบอล ฟุตบอล ฮ็อกกี้น้ำแข็ง โปโลน้ำ และยูโด ส่วนแม่ของเขาก็เต้นบัลเลต์มาตลอดจนกระทั่งข้อเท้าเจ็บ

แรกทีเดียว ผมคิดว่าคงเป็นเพราะผู้สร้างอยากเน้นย้ำภาพลักษณ์ “คนธรรมดา” ของพระเอกให้เด่นชัด เพราะสุดท้ายเขาก็อาศัยการเพียรฝึกซ้อมอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เอาชนะนักกีฬาที่สืบทอดพรสวรรค์มาทางสายเลือดอย่างโยอิจิ (พ่อเป็นนักกีฬาโอลิมปิก/โคชสอนกระโดดน้ำ) และชิบุกิ (ปู่เป็นนักกระโดดน้ำระดับตำนาน) ได้

แต่จริงหรือว่าคนเราสามารถประสบความสำเร็จโดยอาศัยพรแสวงเพียงอย่างเดียว? ต้องไม่ลืมว่าโทโมะกิเองใช่จะสิ้นไร้พรแต่กำเนิดเสียทีเดียว เพราะอย่างน้อยคุณสมบัติตัวอ่อน กับ “ดวงตาเพชร” ก็ทำให้เขาได้เปรียบนักกระโดดน้ำอีกหลายคน แน่นอน ความอุตสาหะช่วยผลักดันให้เขาพัฒนาฝีมือขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าโทโมะกิปราศจากพรสวรรค์ดิบภายใน เขาจะประสบความสำเร็จได้เท่านี้หรือ?

พอผนวกเข้ากับฉากที่ถูกเพิ่มเข้ามาในเวอร์ชั่นหนัง เมื่อโทโมะกิถามพ่อกับแม่ว่าคาดหวังอะไรในตัวเขา (คำตอบ คือ ไม่เลย แม่ของเขาพูดในทำนองว่าลูกชายทำได้เท่านี้ก็ดีใจแล้วด้วยซ้ำ) ผมจึงเริ่มคิดว่าบางทีการตัดรายละเอียดข้างต้นออกอาจไม่ใช่เพื่อเน้นย้ำภาพลักษณ์ “คนธรรมดา” ของพระเอก แต่เป็นการปลดปล่อยตัวละครให้หลุดพ้นจากกรอบของปัจจัยภายนอกรอบข้างต่างหาก

โทโมะกิไม่ได้มีพ่อมีปู่เป็นนักกีฬาระดับโลก หรือพูดอีกนัยหนึ่ง คือ เป็นเงาทะมึนที่คอยกดดันให้พวกเขาต้องพัฒนาศักยภาพ ต้องพิสูจน์ตัวเอง ต้องวัดรอยเท้า และนั่นส่งผลให้ความเพียรพยายามฝึกซ้อมของโทโมะกิยิ่งชวนตื่นตะลึงมากขึ้นอีก

เด็กหนุ่มเสียสละหลายสิ่งหลายอย่าง ไม่ได้กินของที่อยากกิน ไม่ได้เที่ยวสนุกกับเพื่อนฝูง แต่ชื่อเสียง การยอมรับ หรือกระทั่งชัยชนะเหนือคู่แข่งกลับหาใช่สิ่งที่เขาแสวงหาเหนืออื่นใด ตรงกันข้าม แรงใจส่วนใหญ่ผุดมาจากปัจจัยภายในทั้งสิ้น จากความต้องการจะเอาชนะตัวเอง ทำลายกรอบจำกัดของตัวเอง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมโทโมะกิถึงยังคงก้มหน้าซ้อมหนักต่อไป แม้จะพลาดการเป็นตัวแทนไปแข่งโอลิมปิก กระตุ้นตัวเองให้มุ่งหน้าสู่จุดสูงสุดทางศักยภาพ จากลังกาหน้าสองรอบครึ่ง เป็นสามรอบครึ่ง และสี่รอบครึ่ง จนสุดท้ายเมื่อเขาทำสำเร็จ ความปลาบปลื้ม ยินดีจึงหาได้เกิดจากการเห็นชื่อตัวเองปรากฏบนสกอร์บอร์ดเป็นอันดับแรก แต่เป็นเพราะเขาได้ค้นพบ “อิสรภาพ” ที่ค้นหามานานแล้วต่างหาก

สำหรับโทโมะกิ จะมีอะไรน่าภูมิใจไปกว่านั้นอีกหรือ

1 ความคิดเห็น:

celinejulie กล่าวว่า...

ชอบหนังเรื่อง DIVE ในระดับ A+ ค่ะ เราว่ามันเป็นหนังสูตรสำเร็จที่ทำออกมาได้ถึงขั้นในความเป็นสูตรสำเร็จของมันนะ เราดีใจมากๆด้วยที่พระเอกเลิกกับแฟน โฮะๆๆๆๆ และเราก็ชอบภาพท้องฟ้ายามเย็นตรงแท่นกระโดดน้ำด้วย มันให้ความรู้สึกสวยงามมากๆ