วันพฤหัสบดี, กันยายน 25, 2551

Short Replay: Raise the Red Lantern


หลังพ่อเสียชีวิตพร้อมทิ้งหนี้สินก้อนโตไว้ให้ จนแม่ต้องบังคับให้เธอหยุดเรียนหนังสือ แล้ว “ขายตัว” ไปเป็นภรรยาคนที่สี่ของมหาเศรษฐีนายหนึ่ง ซ่งเหลียน (ก่งลี่) คิดว่าตนเองอยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่าง รวมทั้งบรรดาเมียคนอื่นๆ ในโลกใบใหม่ เธอวางมาดปัญญาชนและปฏิเสธที่จะเล่นตามเกมแห่งอำนาจ เพื่อแย่งชิงความสนใจจาก “นายใหญ่” แต่แล้วสภาพแวดล้อมก็ค่อยๆ กัดกร่อนจิตวิญญาณซ่งเหลียนทีละน้อย จนเธอต้องเข้ามาคลุกคลีตีวงในกับกลเกมการเมืองภายในบ้านและถูกมันทำลายความเป็นมนุษย์จนไม่เหลือซาก

ฉากหลังเป็นประเทศจีนในช่วงทศวรรษ 1920 เหตุการณ์แทบทั้งหมดเกิดขึ้นในอาณาจักรของนายใหญ่ ซึ่งเต็มไปด้วยกฎระเบียบ ประเพณีปฏิบัติ และธรรมเนียมพิลึกพิลั่น เช่น การแขวนโคมแดงหน้าบ้านภรรยาคนที่นายใหญ่จะแวะไปค้างคืนด้วย แต่โลกใบนี้แตกต่าง ห่างไกลจากโลกอื่นๆ ที่เราคุ้นเคยจริงหรือ? การดิ้นรนต่อสู้ของซ่งเหลียนคล้ายคลึงกับการดิ้นรนต่อสู้ของปัจเจกชนร่วมสมัยภายใต้อาณัติของผู้มีอำนาจในหลายๆ ประเทศ ที่ชื่นชอบการจำกัดลิดรอนสิทธิความเป็นคนมากน้อยแค่ไหน? และที่สำคัญ เรายินยอมตกเป็นเบี้ยล่าง (ไม่ว่าจะโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม) ของสังคม “ชายเป็นใหญ่” มาเนิ่นนานเกินไปแล้วหรือไม่?

นักดูหนังรุ่นใหม่อาจหลงใหลชื่นชม จางอี้โหมว จากหนังอย่าง Not One Less, The Road Home หรือ Hero แต่ยุคทองอันแท้จริงของเขา (หรืออาจกล่าวว่าเป็นยุคทองของผู้กำกับชาวจีนแผ่นดินใหญ่รุ่นที่ห้าโดยรวมก็ได้) อยู่ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 เมื่อเปลวไฟของการถ่ายทอดเนื้อหาอันรุนแรง ซับซ้อน ไร้การประนีประนอม สอดคล้องกับสไตล์ทำหนังอันโดดเด่นยังคงโชติช่วง ใครก็ตามที่ได้ชมผลงานทรงพลังที่ตีแสกหน้าคนดู (และบางกรณีอาจหมายรวมถึงรัฐบาลคอมมิวนิสต์ของจีน) อย่าง Red Sorghum, Ju Dou, Raise the Red Lantern, The Story of Qiu Ju และ To Live ย่อมอดไม่ได้ที่จะหวนไห้ เมื่อได้ชมผลงานในยุคหลังของจางอี้โหมว

ไม่มีความคิดเห็น: