วันพุธ, กุมภาพันธ์ 11, 2552

Oscar 2009: Best Supporting Actress


เอมี อดัมส์ (Doubt)

สำหรับ เอมี่ อดัมส์ บทคนดีถือเป็นเรื่องง่ายดายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก บทคนร้ายต่างหากที่เธอโหยหาและมองเห็นเป็นความท้าทาย ด้วยความงามแบบใส่ซื่อ รูปร่างเล็ก บอบบางแบบนักบัลเลต์ มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อดัมส์มักถูกเลือกให้เล่นเป็นตัวละครสดใส ไร้เดียงสา และมีวัยน้อยกว่าอายุจริงของเธอ (34 ปี) ข้อเท็จจริงนั้นถือเป็นการเติมเต็ม แต่ขณะเดียวกันก็สร้างความหงุดหงิดใจให้เธอไม่น้อย “ฉันหลงใหลตัวละครพวกนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย” นักแสดงสาวที่เคยเข้าชิงออสการ์ครั้งแรกจาก Junebug กล่าว “บางอย่างเกี่ยวกับการสำรวจความบริสุทธิ์และการล่มสลายของความบริสุทธิ์ดึงดูดใจฉัน”

อย่างไรก็ตาม เธอมีไอเดียอื่นในหัวด้วย “ฉันอยากรับบทตัวละครที่เต็มไปด้วยด้านมืดและความชั่วร้าย แต่ฉันมั่นใจว่าคนดูคงพูดกันว่า ‘ตลกชะมัด มันเป็นบทบาทการแสดงที่ชวนหัวที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา’ เพราะถ้าลบเมคอัพออก ฉันจะดูใสซื่อ ไร้เดียงสา ฉันตั้งตาคอยวัยชราเพื่อสำรวจอีกด้านของมนุษย์” เธอเล่ากลั้วหัวเราะ

ใน Doubt อดัมส์รับบทเป็น ซิสเตอร์ เจมส์ แม่ชีสาวที่ต้องมายืนอยู่ตรงกลางระหว่างสงครามประสาทของบาทหลวงที่อาจล่วงละเมิดทางเพศเด็กชาย (ฟิลิป ซีมัวร์ ฮอฟฟ์แมน) กับแม่ชีอธิการบ้าอำนาจและคลั่งศีลธรรม (เมอรีล สตรีพ) หลังจากได้อ่านบท อดัมส์รีบบินไปนิวยอร์กเพื่อขอร้องผู้กำกับ จอห์น แพ็ทริค แชนลีย์ ให้มอบบทนี้กับเธอ สองสามเดือนต่อมา ฝันของเธอก็กลายเป็นจริง

สำหรับสตรีพ ไม่มีใครเหมาะกับบทดังกล่าวมากไปกว่าอดัมส์ “ไม่กี่คนหรอกที่จะสามารถถ่ายทอดความบริสุทธิ์ได้อย่างแท้จริงโดยปราศจากการเสแสร้ง” เจ้าของรางวัลออสการ์จาก Sophie’s Choice กล่าว “เธอทำให้คนดูเชื่อว่าเด็กสาวคนนี้เปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่น และนั่นคือสาเหตุว่าทำไมเธอถึงมายืนอยู่ตรงนี้ เอมี่ อดัมส์ เป็นนักแสดงตัวจริง” อดัมส์ยกประโยชน์ส่วนหนึ่งให้กับการเติบโตมาในครอบครัวมอร์มอนที่เคร่งศาสนา ก่อนพ่อแม่จะตัดสินใจแยกตัวออกมาขณะเธออายุได้ 12 ขวบ ประสบการณ์ดังกล่าวทำให้เธอถ่ายทอดทัศนคติมองโลกแง่บวกและบุคลิกอบอุ่นของ ซิสเตอร์ เจมส์ ได้อย่างเปี่ยมประสิทธิภาพ

ทว่าทุกอย่างใช่จะได้มาอย่างง่ายดาย ก่อนการมาถึงของ Junebug และขุมทองอย่าง Enchanted ซึ่งทำให้เธอกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง อดัมส์เคยคิดจะหันหลังให้วงการภาพยนตร์ หลังจากบทบาทของเธอใน Catch Me if You Can ไม่อาจช่วยผลักดันอาชีพได้ดังหวัง เธอตกงานอยู่นานนับปี “ไม่ใช่ว่าฉันคิดจะหันหลังในการแสดงหรอกนะ แต่อยากเบี่ยงเบนทิศทางมากกว่า ฉันคิดจะเดินทางไปนิวยอร์ก แล้วเข้าสู่วงการละครเพลง ฝึกซ้อมทักษะการเต้นและการร้องเพลงให้กลับมาดีเหมือนเดิม คงต้องบอกว่าความจำเป็นช่วยต่อเติมพลังความฝันให้ฉัน เพราะนอกจากการแสดงจะเป็นความฝันของฉันแล้ว มันยังเป็นอาชีพเลี้ยงตัวด้วย ฉันหาเงินด้วยการแสดงมาตลอด ฉะนั้นความจำเป็นจึงช่วยให้ฉันยังคงอยู่ในสายงานนี้”


เพเนโลปี้ ครูซ (Vicky Cristina Barcelona)

แม้จะเติบโตมาในประเทศสเปนและสร้างชื่อเสียงทางการแสดงจากภาพยนตร์อย่าง Jamon,jamon, Belle époque, Live Flesh, Open Your Eyes, All About My Mother และ Volver แต่ เพเนโลปี้ ครูซ ก็เป็นแฟนหนังของ วู้ดดี้ อัลเลน มานานแล้ว (หนังเรื่องโปรด คือ Deconstructing Harry) ดังนั้นจึงไม่น่าแปลก หากเธอจะตื่นเต้นดีใจอย่างล้นหลาม เมื่อได้รับข้อเสนอให้มาร่วมแสดงในหนังใหม่ของเขาเรื่อง Vicky Cristina Barcelona และถึงแม้บทของเธอจะไม่ใช่บทนำ (ผู้หญิงสองคนในชื่อเรื่องรับบทโดย รีเบ็คก้า ฮอล และ สการ์เล็ต โจแฮนสัน ตามลำดับ) แต่ครูซกลับทำให้ มาเรีย เอเลน่า กลายเป็นตัวละครที่เปี่ยมสีสัน โดดเด่น และชวนหัวจนคนดูลืมไม่ลง

มาเรีย เอเลน่า เป็นผู้หญิงประเภทที่ปลดปล่อยทุกอารมณ์ภายในออกมาให้ทุกคนประจักษ์ เธออัดแน่นด้วยความโกรธ ความรัก และความเจ็บปวดในเบื้องลึก ดูเซ็กซี่ เร่าร้อน แต่ขณะเดียวกันก็โรคจิตหน่อยๆ เช่นเดียวกับ ฌาน มอนโร ใน Jules and Jim และ จูดี้ เดวิส ใน Husbands and Wives เธอหย่าขาดจากจิตกรจอมเจ้าชู้ ฮวน อันโตนิโอ (ฮาเวียร์ บาร์เด็ม) มาพักหนึ่งแล้ว เนื่องจากชีวิตสมรสของพวกเขามักเต็มไปด้วยการระเบิดอารมณ์เข้าใส่กัน แต่เธอกลับไม่อาจตัดขาดจากเขาได้เหมือนแมลงเม่าที่ชอบบินเข้าไปเล่นกับกองไฟ

กระนั้นครูซหาได้มองมาเรียในฐานะผู้หญิงบ้า หรือเสียสติแต่อย่างใด “ใครบ้า ใครไม่บ้า มันเป็นเรื่องยากจะแยกแยะ ในสายตาของฉัน เธอเป็นหญิงสาวที่ไม่มั่นคงทางอารมณ์ ทางจิตใจ เนื่องมาจากความเจ็บปวดและความวิตกกังวลอันหนักอึ้ง ตลกดีที่เธอมีความคิดฝังหัวว่าตัวเองเป็นอัจฉริยภาพ เธอคงผ่านความทุกข์ทรมานมามาก เลยคิดสร้างความจริงแบบใหม่ขึ้น ซึ่งเหมาะสมกับเธอ แล้วก็พยายามปกป้องมันกับคนทั้งโลก”

สำหรับครูซ ผู้อาจไม่ค่อยคุ้นชินกับบทตลกเท่าใดนัก การได้ร่วมงานกับ วู้ดดี้ อัลเลน ถือเป็นบทเรียนการแสดงที่แสนคุ้มค่า “ฉันกลัวว่าจะเล่นเยอะเกินไป เพราะรู้สึกเหมือนตัวเองต้องแหกปากตะโกนตลอดทั้งเรื่อง เขาเลยบอกว่า ถ้าคุณต้องการ เราจะถ่ายเพิ่มอีกเทคก็ได้ หลังจากนั้น เขาก็จะพูดว่า มันดีทีเดียว แต่เทคที่แล้วดีกว่า เชื่อผมสิ มีคนแบบนี้อยู่จริงๆ แน่นอนว่าเขาพูดถูก ก็เขาเป็นถึง วู้ดดี้ อัลเลน! ไม่ใช่ว่าฉันเคลือบแคลงการตัดสินใจของเขาหรอกนะ มันคงเป็นแค่ความรู้สึกไม่มั่นใจของนักแสดงน่ะ แต่เขาพูดถูก ฉากทะเลาะกันพวกนั้นจะต้องใหญ่โต มันได้ผล คนดูคิดว่ามันตลกมากๆ ฉันลืมไปว่าเรากำลังถ่ายหนังตลกกันอยู่”

เมื่อถูกถามให้เปรียบเทียบการทำงานระหว่างอัลเลนกับ เปโดร อัลโมโดวาร์ ผู้กำกับชาวสเปนที่ผลักดันให้เธอได้เข้าชิงออสการ์เป็นครั้งแรกจาก Volver ครูซตอบว่า “พวกเขาแตกต่างกันมาก แต่ฉันรักพวกเขาทั้งคู่ เพราะคุณได้ร่วมงานกับอัจฉริยภาพ ที่ต้องทำก็แค่เชื่อใจเขา แล้วเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการผจญภัยดังกล่าว การได้ร่วมงานกับพวกเขาเป็นเหมือนการผจญภัยเสมอ วู้ดดี้ไม่ชอบซ้อมบท แต่กับเปรโด (เธอเพิ่งปิดกล้องหนังใหม่ของเขาเรื่อง Broken Embraces) ฉันต้องซ้อมบทนานถึงสามเดือน บอกไม่ได้หรอกว่าแบบไหนดีกว่าแบบไหน คุณก็แค่ต้องไหลลื่นไปตามน้ำและเอ็นจอยทุกนาทีนั้น การตระหนักว่าคุณสามารถไว้ใจผู้กำกับได้อย่างเต็มร้อยถือเป็นอภิสิทธิ์อันยิ่งใหญ่สำหรับนักแสดง”


ไวโอลา เดวิส (Doubt)

ขาใหญ่ประจำวงการละครเวทีและเจ้าของรางวัลโทนี่ ไวโอลา เดวิส มักจะปรากฏตัวบนจอหนังในบทตัวประกอบเล็กๆ ไม่ว่าจะเป็นบทขี้ยาใน Antwone Fisher คุณแม่ใน World Trade Center และคุณนายมิลเลอร์ใน Doubt แต่ทุกครั้งเธอล้วนตีบทแตกกระจุย ระหว่างถ่ายทำหนังเรื่อง Doubt เดวิสมัวแต่วิตกกังวลกับการต้องแสดงประกบ เมอรีล สตรีพ เป็นเวลา 11 นาทีในฉากสำคัญของหนังจนไม่ทันสังเกตว่าน้ำมูกของเธอกำลังไหล และถึงแม้ผู้กำกับ จอห์น แพ็ทริค แชนลีย์ จะเกลี้ยกล่อมทางสตูดิโอสำเร็จเพื่อให้เขาถ่ายฉากดังกล่าวใหม่อีกครั้ง (แชนลีย์คิดว่าฉากนี้เร่งจังหวะเร็วไปหน่อย) แต่เดวิสยังคงน้ำหูน้ำตาไหลแบบยั้งไม่อยู่เหมือนเคย

ฉากเผชิญหน้าดังกล่าวเป็นตอนที่ ซิสเตอร์ อลอยเชียส พยายามจะค้นหาว่าคุณนายมิลเลอร์ล่วงรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างลูกชายเธอกับบาทหลวงฟลิน หญิงทั้งสองเร่งฝีเท้าไปตามทางเดินที่ลมกรรโชกแรง ขณะแม่ชีพยายามกดดัน ซักไซ้ ส่วนคุณแม่ผิวดำก็ยังคงแสดงความนอบน้อมอย่างสม่ำเสมอ ก่อนจะค่อยๆ เผยให้เห็นความรักของเธอต่อลูกชาย ความซาบซึ้งในตัวบาทหลวงที่คอยดูแลเขา ความหวาดกลัวว่า “ความลับ” ของลูกชายเธอจะถูกค้นพบและลงโทษ “ดิฉันย้ายลูกมาเรียนที่นี่เพราะเขาไปได้ไม่ดีในโรงเรียนรัฐบาล” เธอตอบแม่ชี “พ่อของเขาไม่ชอบเขา ผู้ชายคนเดียวที่ดีกับเขาคือบาทหลวงฟลิน ดิฉันเคยถามไหมว่าทำไมเขาถึงดีกับลูกดิฉัน? ไม่เลย”

เดวิสเป็นหนึ่งในนักแสดงไม่กี่คนที่สามารถจมหายไปกับบท เธอเติบโตมาในครอบครัวที่ยากจน พ่อทำงานเป็นคนดูแลม้าในสนามแข่ง ความสนุกวัยเด็กของเธอ คือ การเล่นเลียนแบบคนดังกับน้องสาว เมื่อเติบใหญ่ เดวิสเข้าเรียนการแสดงและรับบทเด่นในละครเชคสเปียร์ รวมถึงบทละครคลาสสิกอีกมากมาย กระนั้น มันช่างเป็นเรื่องยากที่จะพบบทดีๆ สำหรับนักแสดงผิวดำ เพราะเหตุนี้เดวิสถึงดีใจมากเมื่อได้รับโอกาสร่วมแสดงใน Doubt (บทคุณนายมิลเลอร์ส่งผลให้ เอเดรียน เลน็อกซ์ คว้ารางวัลโทนี่มาครอง)

นักแสดงสาววัย 43 ปีที่เคยร่วมงานกับ สตีเวน โซเดอร์เบิร์ก มาแล้วสามครั้งจาก Out of Sight, Traffic และ Solaris เล่าให้ฟังถึงความยากลำบากก่อนจะคว้าบทนี้มาครอง “ฉันได้ข่าวว่ามีความพยายามจะดัดแปลงบทละครเป็นหนังและ สก็อตต์ รูดิน จะเป็นผู้อำนวยการสร้าง เขาชอบฉันมาก จากนั้นฉันก็ได้ข่าว เมอรีล สตรีพ มารับบทนำ เลยตัดสินใจโทรหาผู้จัดการส่วนตัวพร้อมกับบอกว่า ฉันอยากเข้าไปทดสอบหน้ากล้อง นักแสดงหญิงคนอื่นคงพูดว่า ฉันอยากได้บทนี้ แต่ฉันพูดแค่ว่า ฉันอยากเข้าไปทดสอบหน้ากล้อง ปรากฏว่านักแสดงหญิงผิวดำแทบทุกคนในอเมริกาล้วนมาทดสอบหน้ากล้อง ฉันติดเข้ารอบสุดท้ายเจ็ดคน จากนั้นก็ต้องบินไปนิวยอร์กเพื่อทดสอบบทโดยสวมเสื้อผ้าและทำผมตามบุคลิกตัวละคร พวกเราเป็นคุณนายมิลเลอร์เจ็ดคน! หนึ่งชั่วโมงต่อมา ฉันก็ได้รับทราบข่าวดี ฉันรู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง”


ทาราจี พี. เฮนสัน (The Curious Case of Benjamin Button)

เนื่องจากตัวละครของเขาต้องมีอายุย้อนหลัง เริ่มต้นจาก 80 ปีไปยังวัยทารก แบรด พิทท์ จึงไม่สามารถจะปรากฏตัวทุกฉากในหนังเรื่อง The Curious Case of Benjamin Button ได้ ข้อเท็จจริงดังกล่าวสร้างความผิดหวังไม่น้อยให้กับ ทาราจี พี. เฮนสัน (ชื่อต้นและชื่อกลางของเธอเป็นภาษาสวาฮีรี ภาษาทางการของประเทศเคนยาและทานซาเนีย ทาราจี หมายถึง ความหวัง ส่วน เพนดา หมายถึง ความรัก) ซึ่งรับบทเป็นสาวชาวใต้ ทำงานในบ้านพักคนชราจนกระทั่งวันหนึ่งเธอพบตาแก่ (ในร่างทารก) บนระเบียงบ้าน เลยรับเขามาเลี้ยงดู เพราะคิดว่านี่คงเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตเขา แต่แล้วกลับต้องพบความประหลาดใจอย่างหนัก

“ฉันเซ็นสัญญาเพื่อเล่นหนังกับ แบรด พิทท์ เขาอยู่ไหนกันเหรอ” เฮนสันกล่าวติดตลก ตรงกันข้าม เธอต้องเข้าฉากกับนักแสดงตัวแทน ซึ่งต่อมาจะถูกวาดทับโดยคอมพิวเตอร์กราฟฟิกเป็นภาพเด็กทารกร่างเหี่ยว “พวกเขาสวมถุงเท้าสีฟ้าคลุมศีรษะ โดยตัดผ้าให้ใบหน้าโผล่ออกมาเพื่อฉันจะได้แสดงตอบโต้กับเขา” เธออธิบายขั้นตอนการถ่ายทำอันซับซ้อน “เดวิด ฟินเชอร์ บอกฉันว่า ไม่ต้องห่วง เรามีทีมงานคอยดูแลหลังขั้นตอนการถ่ายทำแล้ว คุณแค่แสดงไปเรื่อยๆ แต่ฉันนึกภาพไม่ออกจริงๆ เขาจึงพยายามอธิบายรายละเอียด... พอทำใจยอมรับได้แล้ว ฉันก็เริ่มผ่อนคลาย เริ่มรู้ว่าควรจะมองไปทางไหน”

ก่อนเริ่มถ่ายทำ The Curious Case of Benjamin Button เฮนสันได้เดินทางไปเยี่ยมครอบครัวที่นอร์ธแคโรไลนา ประสบการณ์ดังกล่าวสามารถช่วยเหลือเธอได้มากในการเตรียมตัวรับบทควีนนี่ ซึ่งในหนังต้องแก่หง่อมไปตามวัยตั้งแต่อายุ 27 ปีจนถึง 71 ปี “คุณยายฉันมีลูกทั้งหมดแปดคนรวมถึงแม่ของฉันด้วย” นักแสดงสาวจาก Hustle & Flow กล่าว “ที่นั่นมีผู้หญิงทุกช่วงวัยให้ฉันคอยเฝ้าสังเกต ฉันเห็นคุณยายออกกำลังกายหัวเข่าหลังจากเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดมา ฉะนั้น ฉันเลยหยิบยืมมันมาใช้ในหนัง” นอกจากนี้ เฮนสันยังทำการบ้านด้วยการอ่านข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวัยชราและการที่กระดูกสันหลังจะหดตัวเมื่อคุณเริ่มแก่ตัว เพื่อเธอจะได้พัฒนาท่าทางการเคลื่อนไหวให้สมจริง

อีริค รอธ กล่าวว่าควีนนี่เปรียบเสมือนบ้านในความนึกคิดของเบนจามิน เธอเป็นสมอเรือที่เขาสามารถพึ่งพาได้ในทุกช่วงวัยจากทศวรรษหนึ่งไปสู่อีกทศวรรษหนึ่ง “ผมไม่ได้นึกภาพใครเป็นพิเศษระหว่างเขียนบท แต่ทาราจีทำให้เธอดูดีกว่าที่ผมคิดไว้มาก เธอมอบแง่มุมซับซ้อนและความละเอียดอ่อนให้กับตัวละครมากกว่าที่ผมเขียนไว้ การแสดงของเธอช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ มีความเป็นไปได้มากมายที่ตัวละครนี้จะดูซ้ำซาก แต่เธอกลับทำให้ควีนนี่แตกต่าง เปี่ยมไปด้วยเลือดเนื้ออย่างสง่างาม”


มาริสา โทเม (The Wrestler)

เธออาจเปิดเผยแทบทุกสัดส่วนต่อหน้ากล้องใน The Wrestler แต่สำหรับชีวิตจริง มาริสา โทเม เป็นคนขี้อาย อ่อนหวาน และไม่ค่อยชอบอยู่กลางสปอตไลท์ ด้วยเหตุนี้ แทนที่จะนัดให้สัมภาษณ์ในร้านอาหารเก๋ๆ ย่านกลางใจเมือง เธอกลับเสนอทางเลือกเป็นห้องครัวที่โปร่งโล่งสบาย ใน The Wrestler ผลงานกำกับชิ้นล่าสุดของ ดาร์เรน อาโรนอฟสกี้ ที่นักวิจารณ์ชื่นชมอย่างเป็นเอกฉันท์ มาริสารับบท แคสซิดี้ นักเต้นระบำเปลื้องผ้าวัยใกล้ปลดระวางที่เริ่มสานสัมพันธ์ลึกซึ้งกับอดีตนักมวยปล้ำชื่อดัง (มิคกี้ รู้ก) “ฉันไม่สามารถทำอาชีพแบบเธอได้หรอก” นักแสดงสาวใหญ่วัย 44 ผู้เริ่มต้นหาข้อมูลด้วยการตระเวนเที่ยวบาร์อะโกโก้กับเพื่อนสาวกล่าว “อย่าว่าแต่เต้นระบำเปลื้องผ้าเลย ฉันไม่ถนัดการเข้าสังคมด้วยซ้ำ เพราะคุณต้องเป็นนักเล่าเรื่องชั้นยอด มีอารมณ์ขัน ทำให้คนสนุก และเปี่ยมไปด้วยพลังงานไม่สิ้นสุด ซึ่งไม่ใช่บุคลิกจริงของฉันเลย”

ทว่าบนจอโทเมกลับดูอาจหาญและเก่งกาจในเรื่องเข้าสังคม ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมจะสะท้อนความทุกข์ตรมของตัวละครจากภายใน “ฉันชอบการแสดงออกผ่านทางร่างกายมากกว่าคำพูด ฉันชอบการต้องแสดงปฏิกิริยาตอบโต้มากกว่าการพูดบทยาวๆ ลีลาการเต้นของแคสซิดี้บ่งบอกตัวตนของเธอ ในแง่หนึ่ง มันเป็นเหมือนผลงานศิลปะของเธอ เป็นการปลดปล่อยทางอารมณ์”

นับแต่คว้าออสการ์มาครองแบบเหนือความคาดหมายของทุกคนจาก My Cousin Vinny อาชีพนักแสดงของโทเมดูเหมือนจะขึ้นๆ ลงๆ ระหว่างผลงานน่าจดจำ (In the Bedroom) และไม่น่าจดจำ (Anger Management) สาเหตุหนึ่งที่ทำให้เธอได้ร่วมงานกับอาโรนอฟสกี้เพราะฝ่ายหลังรู้จักและชื่นชมเธอมาเนิ่นนาน “เราเรียนมัธยมปลายที่เดียวกัน” ผู้กำกับ The Wrestler เล่า “เราไม่รู้จักกันตอนนั้น แต่ผมรู้จักเธอ น้องชายเธออายุมากกว่าผมหนึ่งปี ผมเป็นเพื่อนกับเขา ผมติดตามผลงานของเธอมาตลอด” จนกระทั่งหลายปีต่อมา ทั้งสองมีโอกาสพบกันในร้านอาหารญี่ปุ่น แล้วพูดคุยเกี่ยวกับหนังเรื่องใหม่

“พล็อตเรื่องอาจฟังดูเชย” อาโรนอฟสกี้กล่าว “แต่ผมหลงใหลความรู้สึกเชื่อมโยงระหว่างนักเต้นระบำเปลื้องผ้ากับนักมวยปล้ำเสมอมา พวกเขาล้วนใช้สมญานาม สร้างจินตนาการให้แก่ผู้ชม และสวมชุดสแปนเด็กซ์ นอกจากนี้ สภาพร่างกายของพวกเขายังถือเป็นศัตรูตัวฉกาจเมื่ออายุเริ่มมากขึ้น บทแคสซิด้าพิสูจน์ให้เห็นว่ามาริสากล้าหาญมากและขณะเดียวกันก็เซ็กซี่มากด้วย เรารู้ว่าการเปลือยกายถือเป็นส่วนสำคัญของหนัง และเธอต้องการเผยให้เห็นด้านที่เปราะบางของตัวละคร”

โทเมไม่สามารถทนดูตัวเองบนจอหนังได้ แต่เธอไว้ใจอาโรนอฟสกี้ว่าจะทำให้เธอดูดีในฉากที่ต้องนุ่งน้อยห่มน้อย พร้อมกันนั้นเธอได้ช่วยเหลือเขาอีกแรงด้วยการลดพาสต้าและออกกำลังกายอย่างหนักหนึ่งเดือนก่อนเปิดกล้องเพื่อกระชับหุ่น “มีคนให้ฮูล่าฮูปฉันมาเมื่อสองปีก่อน มันยอดมากเลย ฉันจะพกมันไปกองถ่ายตลอดโดยระหว่างรอเข้าฉาก คุณอาจรู้สึกเครียด แต่ไม่อยากสูญเสียสมาธิ ฮูล่าฮูปช่วยให้คุณสงบนิ่งขึ้น”

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

จาก เกรียง คนรักหนัง
ผมว่าสาขานี้ ไม่เสถียร มากที่สุดครับ
เดาว่า น่าจะได้ มาริสา โทเม
ที่น่าจะได้ น่าจะวิโอล่าครับ
ส่วนตัวเต็ง เพเนโลเป้ อาจจะชวดครับ
เเต่เอ๊ะ ทำไม่ผมฝันว่า ทาราจิ ได้หว่า
ส่วนหนู อดัม ผมว่ารอเธอเล่นบทร้ายเเล้วค่อยให้ดีมั้ยครับ