คงไม่ผิดนักหากจะพูดว่า
The
Imitation Game เป็นหนังที่สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงและเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จของ
อลัน ทัวริง บิดาแห่งวิทยาการคอมพิวเตอร์ มากกว่าจะเป็นหนังที่มุ่งเน้นสำรวจแง่มุมอันลึกลับซับซ้อนเกี่ยวกับอัจฉริยบุคคลผู้จบชีวิตอย่างน่าเศร้าขณะมีอายุเพียงแค่
41 ปี ทั้งนี้เนื่องจากคนเขียนบทภาพยนตร์ เกรแฮม มัวร์ เลือกจะเล่าเรื่องในรูปแบบของเกมปริศนาอักษรไขว้
แล้วตัดสลับสามช่วงเวลาในชีวิตของ อลัน ทัวริง เข้าด้วยกัน ได้แก่
ช่วงวัยรุ่นในโรงเรียนมัธยม ช่วงวัยหนุ่มระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง และช่วงหนึ่งปีสุดท้ายก่อนเสียชีวิต
เพื่อสร้างอารมณ์ฉงนสงสัย ชวนให้ติดตามในสไตล์หนังลึกลับ สืบสวนสอบสวน ข้อมูลค่อยๆ
ถูกเปิดเผย แสดงให้เห็นจุดเชื่อมโยงอย่างเป็นระบบ โดยแต่ละส่วนล้วนซ้อนทับ หรือส่งผลกระทบต่อกันเหมือนความสัมพันธ์ของตัวอักษรในเกมปริศนา
อย่างไรก็ตาม
เรื่องราวที่ได้รับน้ำหนักสูงสุด คือ ชีวิตช่วงวัยหนุ่ม เมื่อ อลัน ทัวริง (เบเนดิกต์
คัมเบอร์แบทช์) ถูกคัดเลือกให้เข้าร่วมทีม
ซึ่งประกอบไปด้วยนักภาษาศาสตร์ นักคณิตศาสตร์
และนักแข่งหมากรุกระดับแนวหน้าของประเทศอังกฤษ เพื่อร่วมกันค้นหาวิธีถอดรหัสอีนิกมาที่กองทัพนาซีใช้ในการสื่อสาร
บุคลิกเย่อหยิ่ง
ทะนงตน ตลอดจนขาดทักษะการเข้าสังคมอย่างรุนแรงทำให้ทัวริงไม่เป็นที่ชื่นชอบของสมาชิกคนอื่นในทีมเท่าใดนัก
ยกเว้น โจน คลาค (คีรา ไนท์ลีย์) สมาชิกหญิงเพียงคนเดียวของกลุ่ม ความสัมพันธ์ระหว่างคลาคกับทัวริงพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
ไม่ใช่แค่เพราะทั้งสองมีระดับสติปัญญาทัดเทียมกันเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะพวกเขาถูกจัดอยู่หมวด
“ชนกลุ่มน้อย” เหมือนกัน คนหนึ่งมีรสนิยมรักร่วมเพศ
ซึ่งในยุคนั้นถือเป็นความผิดตามกฎหมาย ส่วนอีกคนเป็นหญิงสาวที่พยายามจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองในโลกที่ชายเป็นใหญ่
(ในฉากเปิดตัว คลาคถูกเข้าใจผิดว่ามาสมัครตำแหน่งเลขา
แถมยังถูกดูแคลนซ้ำสองด้วยข้อกล่าวหาว่าเธอไม่ได้ไขปริศนาอักษรไขว้ด้วยตัวเอง)
ขณะทุกคนรอบข้างโดยเฉพาะพ่อแม่เธอคาดหวังแค่ให้เธอได้ออกเหย้าออกเรือนเหมือนหญิงสาวปกติทั่วไป
ถึงแม้พล็อตหลักของ
The Imitation
Game จะพูดถึงเรื่องเฉพาะเจาะจงและจำกัดอยู่กับยุคสมัยอย่างการถอดรหัสอีนิกมาของนาซี
แล้วค้นหาความหมายที่แท้จริงในข้อความที่มองจากเปลือกนอกเป็นเพียงรายงานสภาพอากาศธรรมดา
แต่ในเวลาเดียวกัน ประเด็นสากลอย่างสิทธิสตรี ตลอดจนอคติทางเพศ
ซึ่งคนดูร่วมสมัยน่าจะเข้าถึงได้ไม่ยาก ก็ถูกสอดแทรกไว้อย่างกลมกลืน เช่นเดียวกับข้อเท็จจริงที่ว่ามนุษย์ล้วนดำรงชีวิตประจำวันอยู่ท่ามกลางรหัสลับมาโดยตลอด
หลายครั้งเราพูดอย่างหนึ่ง แต่แท้จริงแล้วอาจหมายความถึงอีกอย่างหนึ่ง
ประโยคที่ว่า “เราจะไปกินข้าวกลางวันกัน” จึงเป็นเหมือนคำเชิญชวนอยู่กลายๆ ขณะเดียวกัน “ผมไม่ได้แคร์คุณ” แท้จริงแล้วก็อาจมีความหมายตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง อลัน ทัวริง
ใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางรหัสลับมาตลอด ไม่เฉพาะกับแค่หน้าที่การงานเท่านั้น
แต่ยังกินความรวมไปถึงชีวิตส่วนตัวอัน “แตกต่าง” ของเขาอีกด้วย ดังจะเห็นได้ในฉากที่ครูใหญ่เรียกเขา (อเล็กซ์ ลอว์เธอร์) ไปพบเพื่อแจ้งข่าวการจากไปอย่างกะทันหันของ
คริสโตเฟอร์ มอร์คอม (แจ๊ค แบนนอน) เด็กหนุ่มที่เขาหลงรัก แต่สุดท้ายทัวริงกลับยืนกรานว่าเขาไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับคริสโตเฟอร์เท่าไหร่
“คนธรรมดาคงไม่มีวันทำได้หรอก” คลาคกล่าวถึงความสำเร็จของทัวริง
ซึ่งถือกำเนิดขึ้นเพราะเขากล้าจะคิดนอกกรอบ และไม่เกรงกลัวที่จะเดินหน้าไปตามเส้นทางนั้น
(นอกเหนือไปจากหัวสมองอันฉลาดล้ำเลิศของเขา) น่าเศร้าตรงที่ความสำเร็จดังกล่าวกลับถูกรัฐบาลปกปิดเป็นความลับอยู่นานหลายทศวรรษ
ในขณะที่ความแตกต่างในรสนิยมทางเพศถูกนำมาใช้ตัดสินเขาอย่างอยุติธรรม
หลังจากเวลาผ่านไป
60 ปีสาเหตุการตายของ อลัน ทัวริง ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ สมมุติฐานแรกเชื่อว่าเขาฆ่าตัวตายจากการกินไซยาไนด์เพราะเหลืออดกับขั้นตอนการรักษาอาการรักร่วมเพศด้วยการฉีดฮอร์โมนเอสโตรเจนเข้าร่างกายตามคำสั่งศาลตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา
(เขาเลือกวิธีนี้แทนโทษจำคุกเพื่อรักษาหน้าที่การงานในมหาวิทยาลัยและการเข้าถึงต้นแบบคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลก
หรือที่รู้จักกันในนาม “เครื่องจักรทัวริง” หรือ “คริสโตเฟอร์” ในหนัง)
นอกจากนี้ตำรวจยังพบแอปเปิ้ลที่ถูกกินไปครึ่งลูกตกอยู่ข้างเตียง
ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นเพราะทัวริงต้องการจำลองฉากใน Snow White and the Seven
Dwarfs หนังการ์ตูนเรื่องโปรดของเขา แต่จากการตรวจสอบกลับไม่พบสารไซยาไนด์ในแอปเปิ้ลลูกนั้น
ส่วนอีกสมมุติฐานโต้แย้งว่าทัวริงน่าจะเสียชีวิตจากการสูดดมไซยาไนด์โดยบังเอิญมากกว่า
เนื่องจากเขาไม่ได้แสดงท่าทีซึมเศร้า หรือหดหู่ใดๆ
อีกทั้งยังรับมือกับขั้นตอนการฉีดฮอร์โมนอย่างมีอารมณ์ขัน
เขาจดตารางงานที่ต้องสะสางหลังหมดวันหยุดยาวเอาไว้ ซึ่งนั่นไม่น่าจะใช่พฤติกรรมของคนที่กำลังวางแผนฆ่าตัวตาย
และที่สำคัญทัวริงมีนิสัยชอบกินแอปเปิ้ลก่อนเข้านอนเป็นประจำอยู่แล้ว
ฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะพบแอปเปิ้ลถูกกัดไปครึ่งลูกตกอยู่ข้างเตียง
อลัน
ทัวริง อาจเปรียบเสมือนซูเปอร์ฮีโร่ผู้ถอดรหัสลับอีนิกมาได้สำเร็จ แต่ดูเหมือนสาเหตุการตายของเขาจะยังคงเป็นปริศนาที่ปราศจากคำตอบต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น