วันอังคาร, มกราคม 24, 2555

Oscar 2012: Almost Nominee


ทิลด้า สวินตัน (We Need to Talk About Kevin)

ถ้าสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวส่ง ทิลด้า สวินตัน มายังโลกเพื่อศึกษาวิถีแห่งมนุษย์แล้วละก็ ดูเหมือนพวกเขาจะปลอมแปลงโฉมเธอได้ไม่เนียนเท่าไหร่ เพราะหลายสิ่งหลายอย่างเกี่ยวกับเธอล้วนบ่งชี้ไปยังคำว่า “เหนือมนุษย์” ไม่ว่าจะเป็นความงามสง่าแบบไร้เพศ (หนึ่งในหนังสร้างชื่อระดับโลกของเธอ คือ Orlando ซึ่งสวินตันสวมบทเป็นทั้งผู้หญิงและผู้ชาย) ใบหน้าที่แทบจะไม่ปรากฏริ้วรอยเหี่ยวย่นตามวัย 51 ปี หรือสไตล์การแต่งตัวที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร เช่นเดียวกับความสามารถในการจัดสรรเส้นทางอาชีพนักแสดงอย่างลงตัว ระหว่างการมีส่วนร่วมในหนังอาร์ต/หนังอินดี้ (เธอเป็นดาราขาประจำของ ดีเร็ค จาร์แมน) และผลงานบล็อกบัสเตอร์จากฮอลลีวู้ด (แม่มดขาวแห่งนาเนีย)

ชื่อเสียงไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงใดๆ ให้กับชีวิตเธอมากนัก “โชคดีที่ฉันอาศัยอยู่ดาวดวงอื่น ที่นั่นเราใช้ชีวิตแตกต่างออกไป” สวินตันกล่าวถึงเมืองเล็กๆ ในสก็อตแลนด์ ซึ่งเธอกับสามีจิตกร ซานโดร ค็อบ และลูกฝาแฝด ยังคงดำเนินวิถีแบบดั้งเดิมท่ามกลางความสงบ เรียบง่าย “คนแถวนั้นมักจะพูดถึงปัญหาเรื่องเพลี้ยมากกว่าเหตุการณ์บ้านเมือง” และแม้จะโด่งดังเป็นที่ยอมรับจนถึงขั้นคว้ารางวัลออสการ์มาครองจาก Michael Clayton (2008) เธอกลับมองตัวเองเป็นเหมือนมนุษย์ต่างดาวที่เพิ่งเดินทางมาเยือนโลก เวลาต้องร่วมแสดงในหนังกระแสหลัก หรืออยู่ท่ามกลางแสงไฟ เช่น เดินพรมแดง หรือเดินสายโปรโมตหนังไปทั่วโลก

ในหนังเรื่อง We Need to Talk About Kevin สวินตันรับบทเป็นแม่ของเด็กหนุ่มผู้ก่อเหตุสะเทือนขวัญ ส่งผลให้เธอรู้สึกแปลกแยกจากสังคมรอบข้างและมีส่วนรับผิดชอบ หนังให้อารมณ์เหมือนฝันร้าย พยายามสร้างภาพเพื่อดึงคนดูไปสัมผัสความรู้สึกนึกคิดอันพลุ่งพล่านของตัวละคร (ซึ่งยอกย้อนกับชื่อหนังอยู่ในที เนื่องจาก “การพูดกัน” ดูเหมือนจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ตัวละครเลือกจะทำ) สำหรับนักแสดงที่ฉลาดเป็นกรดและฝีปากกล้า ไม่ว่าจะเป็นการวิพากษ์ประเด็นการเมือง หรือเปิดเผยความรักอันลึกซึ้งต่อภาพยนตร์ บทที่แทบจะปราศจากคำพูดคือจุดเด่นที่ดึงดูดสวินตันให้มาร่วมงานกับ ลินน์ แรมเซย์ (Ratcatcher, Morvern Callar) “ฉันคิดว่ามันสง่างามมาก” เธอกล่าวถึงภาวะทางจิตของตัวละครที่ชีวิตพลิกผันจนตั้งรับไม่ถูก “ในฐานะนักแสดง ฉันชอบสังเกตช่องว่างระหว่างสิ่งที่คนเราอยากสื่อสารกับสิ่งที่คนเราสามารถสื่อสารออกมา ฉันชอบหนังที่ไม่ได้เป็นแค่งานเขียนบทสนทนาโต้ตอบระดับสุดยอด ราวกับว่าทุกคนสามารถพูดทุกอย่างได้อย่างชัดเจน และยินดีรับฟังทุกสิ่งทุกอย่าง”

คงไม่ต้องบอกว่าการแสดงของสวินตันในหนังเรื่องนี้มีความเป็น “มนุษย์” มากแค่ไหน และผู้อำนวยการสร้าง โรเบิร์ต ซาเลอร์โน ก็ดูเหมือนจะสรุปแก่นหลักและประสิทธิภาพได้อย่างตรงประเด็นว่า “การแสดงส่วนใหญ่ของเธอเป็นการแสดงผ่านแววตาและสีหน้า เธอทำให้คนดูรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวด ทุกข์ทรมานที่ตัวละครต้องเผชิญโดยไม่จำเป็นต้องอาศัยบทพูดให้มากมาย”

1 ความคิดเห็น:

BlueSea BrownSand & BlackSky กล่าวว่า...

จริงๆคนที่อยากคุยกะเควินมากที่สุดก็คือคนดูป่ะ แบบอยากรูว่า เมิงเป็นห่าอะไรของเมิง แล้วก็ตามด้วยกระโดดไปตุ้ยท้องและบีบคออ่ะ 555