วันเสาร์, กุมภาพันธ์ 28, 2558

Oscar 2015: Whites Strike Back


คำถามแรกหลังการประกาศรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์สิ้นสุดลง คือ เกิดอะไรขึ้นกับ Selma หนังตัวเก็งว่าจะได้เข้าชิงสาขาสำคัญๆ อย่าง นำชาย และ ผู้กำกับ แต่สุดท้ายดันลงเอยด้วยการเข้าชิงแค่ 2 สาขา คือ เพลงและหนังยอดเยี่ยม ลางร้ายปรากฏมาก่อนหน้านี้ แต่หลายคนพยายามบอกปัดการพลาดเข้าชิง PGA, DGA และ SAG ว่าเกิดจากสตูดิโอผลิตสกรีนเนอร์แจกให้กรรมการไม่ทัน เพราะตอนหนังเข้าฉายในเทศกาล AFI เอวา ดูเวอร์เนย์ เพิ่งจะตัดต่อหนังเสร็จหมาดๆ และยังไม่ได้ทำเครดิตท้ายเรื่องเลยด้วยซ้ำ (ตรงกันข้ามกับหนังของ คลินท์ อีสต์วู้ด ซึ่งเข้าฉายในเทศกาลเดียวกัน แต่เสร็จสมบูรณ์พร้อมผลิตสกรีนเนอร์แจกให้กรรมการ) ส่งผลให้ทางสตูดิโอเหลือเวลากระชั้นชิด และสามารถผลิตสกรีนเนอร์ทันแจกให้กรรมการออสการ์เท่านั้น ส่งผลให้หนังหลุดโผตามเวทีของสมาพันธ์ต่างๆ ไปตามระเบียบเพราะหลายคนไม่ได้ไปดูหนังตามเทศกาล หรือรอบพิเศษ แต่พอผลการเข้าชิงประกาศออกมาแบบนี้ มันเป็นข้อพิสูจน์ชัดเจนในตัวอยู่แล้วว่า Selma ไม่ค่อยเป็นที่ชื่นชอบของกรรมการ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม (บางคนพยายามมองว่าเป็นประเด็นเหยียดเพศ เหยียดผิว ทั้งที่ออสการ์เคยมอบรางวัลให้กับ 12 Years a Slave และ The Hurt Locker มาแล้ว)

นอกจากนั้นสองสัปดาห์ก่อนการประกาศรายชื่อ Selma ยังโดนรุมทำร้ายจนสะบักสะบอมด้วยกระแส บิดเบือนข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ ลินดอน บี. จอห์นสัน เพราะในหนังจอห์นสันถูกวาดภาพให้เป็นเหมือนคู่อริกับ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง ทั้งที่ตามประวัติศาสตร์แล้วจอห์นสันให้การสนับสนุนคิงมาตลอด เขาอาจทำพลาดในเรื่องเวียดนาม แต่กฎหมายสิทธิเลือกตั้งเกิดขึ้นได้ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเขาเห็นดีเห็นงามด้วย

น่าแปลกที่หนังอย่าง The Theory of Everything และ The Imitation Game ต่างก็โดนข้อกล่าวหาว่าบิดเบือนความจริงเช่นกัน แต่กระแสดังกล่าวดูเหมือนจะจุดไม่ติดและหาได้ส่งผลใดๆ ในแง่ลบ (กรณีเรื่องหลังต้องถือว่าหนังพิสูจน์ความแข็งแกร่งให้ประจักษ์ชัดเจนอีกต่างหาก จากการที่ มอร์เทน ทิลดัม หลุดเข้าชิงสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม แซงหน้ารุ่นพระกาฬอย่าง เดวิด ฟินเชอร์ และ คลินต์ อีสต์วู้ด) บางทีปรากฏการณ์ที่เกิดกับ Selma ควรยกไปเปรียบเทียบกับ Zero Dark Thirty เพราะหนังของ แคธรีน บิเกโลว ก็โดนกระแสอื้อฉาวรุมเร้าในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นกันจนสุดท้ายก็ชวดการเข้าชิงในสาขาผู้กำกับ อีกสาเหตุหนึ่ง คือ บางทีกรรมการอาจเริ่มเบื่อหน่าย เพราะสามปีก่อนหน้าบิเกโลวก็เพิ่งจะได้ออสการ์ไปจากหนังแนวทางคล้ายคลึงกันอย่าง The Hurt Locker ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นไปได้ว่า Selma อาจโดนความสำเร็จของ 12 Years a Slave เมื่อปีก่อนลดทอนความน่าตื่นเต้นลง

ขั้วตรงข้ามของ Selma คือ American Sniper ซึ่งโผล่พรวดมาเข้าชิงมากถึง 6 สาขาชนิดไม่มีใครคาดคิด แต่ที่เซอร์ไพรซ์สุดยอดคงหนีไม่พ้นการเข้าชิงออสการ์ 3 ปีติดกันของ แบรดลีย์ คูเปอร์ เนื่องจากปีนี้การแข่งขันในสาขานำชายถือว่าเข้มข้นมาก การเบียด เดวิด โอเยลโลโอ (Selma) และ เจค จิลเลนฮาล (Nightcrawler) หรืออาจรวมไปถึง เรล์ฟ ไฟนส์ (The Grand Budapest Hotel) จนมาติดหนึ่งในห้าได้ถือว่าเป็นความสำเร็จสุดยอดแล้ว ที่สำคัญ หนังยังทำเงินถล่มทลายเหนือทุกความคาดหมายบนตาราง บ็อกซ์ ออฟฟิศ (ณ ขณะนี้ กำลังมุ่งหน้าสู่หลัก 300 ล้านเหรียญ) เรียกว่าทำเอาเซียนออสการ์และเซียนทำนายรายได้หนังหน้าแตกไปพร้อมๆ กัน หลายคนวิเคราะห์ว่าหนังได้แรงสนับสนุนจากกลุ่มคนที่ปกติไม่ค่อยได้เข้าโรงหนังเท่าไหร่ รวมไปถึงบรรดาทหารผ่านศึกกับญาติๆ ของพวกเขา (พูดแบบเหมารวมได้ว่าหนังได้กำลังซื้อจาก มิดเดิล อเมริกา ค่อนข้างมาก ซึ่งหมายความถึงกลุ่มคนในชนบท ย่านชานเมือง ซึ่งมักมีแนวคิดอนุรักษ์นิยมและไม่ได้มีหัวก้าวหน้าทางวัฒนธรรมเหมือนชาวเมืองใหญ่อย่างนิวยอร์ค แอลเอ หรือซานฟรานซิสโก) นอกจากนี้ พลังดาราของคูเปอร์ก็มีส่วนดึงดูดสาวน้อยสาวใหญ่ ซึ่งไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายหลักให้มาดูหนังด้วย

หลายคนมองว่าความสำเร็จบนตารางหนังทำเงินของ American Sniper อาจเป็นแรงผลักให้มันกลายเป็นม้ามืดบนเวทีออสการ์ได้ แต่อย่าลืมว่าหนังถูกกระแสต่อต้านจากกลุ่มเสรีนิยมด้วยข้อหาโปรสงคราม โปรความรุนแรง โปรชาตินิยม ทำให้มันยากจะคว้ารางวัลสูงสุดมาครอง เพราะฮอลลีวู้ดขึ้นชื่อว่าเป็นอาณาจักรแห่งเดโมแครต และถ้าการทำเงินมีส่วนต่อการตัดสินใจของกรรมการจริง Avatar ก็คงเอาชนะ The Hurt Locker บนเวทีออสการ์ไปแล้ว ที่สำคัญ คลินต์ อีสต์วู้ด ยังถูก เบนเน็ต มิลเลอร์ เบียดตกเวทีในสาขาผู้กำกับ ซึ่งนั่นยิ่งทำให้โอกาสได้หนังยอดเยี่ยมลดน้อยลงอีก

ความเป็นไปได้ในตอนนี้ของสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมน่าจะเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง Birdman, Boyhood และ The Imitation Game โดย Birdman ทำคะแนนแซงหน้าเรื่องอื่นๆ ไปเล็กน้อยหลังจากชัยชนะสุดเซอร์ไพรซ์ที่ PGA และไม่ค่อยเซอร์ไพรซ์เท่าไหร่ที่ SAG ผลดังกล่าวพิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งว่านักวิจารณ์ไม่ใช่คณะกรรมการออสการ์แบบเดียวกับกรณี The Social Network vs. The King’s Speech และ Brokeback Mountain vs. Crash หนทางเดียวที่ Boyhood จะสามารถหล่อเลี้ยงความหวังต่อไปได้ คือ ริชาร์ด ลิงค์เลเตอร์ ต้องคว้า DGA มาครอง แต่ถ้า อเลฮานโดร กอนซาเลซ อินญาร์ริตู เกิดพลิกโผได้รางวัลไปอีกละก็ นั่นจะถือเป็นตะปูตัวสุดท้ายตอกปิดฝาโลงให้กับ Boyhood ส่วนอุปสรรคเดียวที่ Birdman ต้องก้าวข้ามไปให้ได้ คือ การพลาดเข้าชิงในสาขาลำดับภาพยอดเยี่ยม ซึ่งตามสถิติแล้วหนังเรื่องสุดท้ายที่ได้รางวัลสูงสุดไปครองโดยไม่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงในสาขานี้ คือ Ordinary People เมื่อ 34 ปีก่อน (การที่ Birdman ไม่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเพราะกรรมการมักจะสับสนระหว่าง Best Editing กับ Most Editing อยู่เสมอ และการที่ The Bourne Ultimatum คว้ารางวัลในสาขานี้มาครองก็ถือเป็นข้อพิสูจน์ที่ชัดเจน งานลำดับภาพใน Birdman นั้นมีอยู่แค่ไม่กี่ครั้งเพราะส่วนใหญ่หนังถ่ายทำแบบลองเทคและเน้นการเชื่อมโยงช็อตให้แนบเนียนจนดูเหมือนไม่มีการตัดต่อ) แต่หลังจาก Argo ทำลายคำสาป 23 ปีด้วยการเป็นหนังเรื่องแรกนับจาก Driving Miss Daisy ที่คว้ารางวัลสูงสุดมาครองโดยที่ตัวผู้กำกับไม่ถูกเสนอชื่อเข้าชิง อะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้

โอกาสของ Boyhood ยังพอมีอยู่ ดังจะเห็นได้จากกรณีของ The Departed ซึ่งพลาดท่าให้กับ Little Miss Sunshine บนเวที SAG และ PGA แต่นั่นหมายความว่าลิงค์เลเตอร์จะต้องคว้า DGA มาครองเช่นเดียวกับ มาร์ติน สกอร์เซซี เพื่อความสูสีของการแข่งขัน สำหรับ The Imitation Game นั้นน่าจะเป็นตัวสอดแทรกมากกว่าตัวเก็ง เนื่องจากหนังดูจะปราศจากเสียงสนับสนุนที่หนักแน่นทั้งจากนักวิจารณ์และคนในวงการ แต่มีข้อได้เปรียบสำคัญตรงพลังการโปรโมตและผลักดันของ ฮาร์วีย์ ไวน์สตีน ซึ่งกลายเป็นตำนานแห่งประวัติศาสตร์ออสการ์หลังจาก Shakespeare in Love เบียดแซง Saving Private Ryan ในช่วงโค้งสุดท้าย แต่ปรากฏการณ์ดังกล่าวยากจะเกิดขึ้นได้ในปัจจุบัน หลังจากออสการ์เลื่อนงานขึ้นมาหนึ่งเดือนทำให้เหลือเวลาในการล็อบบี้น้อยลง

สำหรับสาขาผู้กำกับก็น่าจะไม่แตกต่างจากหนังยอดเยี่ยมเช่นกัน แต่ เวส แอนเดอร์สัน อาจมีแต้มต่อเหนือ มอร์เทน ทิลดัม เล็กน้อย เมื่อพิจารณาจากเครดิตโดยรวม และความแข็งแกร่งของ The Grand Budapest Hotel ซึ่งเข้าชิงมากสุดถึง 9 สาขาเช่นเดียวกับ Birdman แต่ตัวหนังอาจไม่เข้าทางออสการ์มากนัก (เช่นเดียวกับ Boyhood) และในช่วงสี่ปีที่ผ่านมาสาขานี้ดูไม่ค่อยปราณีผู้กำกับชาวอเมริกันสักเท่าไหร่

สามในสี่ของสาขาการแสดงถูกล็อกรางวัลไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นเรื่องยากมากที่ใครจะมาแย่งออสการ์ไปจาก จูลีแอนน์ มัวร์, เจ.เค. ซิมมอนส์ และ แพ็ทริเซีย อาร์เคตต์ แต่สาขาที่น่าจะลุ้นได้สนุก คือ นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม เมื่อ ไมเคิล คีตัน ขวัญใจนักวิจารณ์และตัวเก็งอันดับหนึ่งมาตลอดการแข่งขันเริ่มส่อแววอ่อนแรง และโดน เอ็ดดี้ เรดเมย์น เบียดเข้าเส้นชัยบนเวที SAG (เรดเมย์นยังคว้านำชายสายหนังดรามาบนเวทีลูกโลกทองคำมาครองด้วย) หากเทียบกันแล้วจะพบว่าคีตันได้เปรียบในแง่ เรื่องราวถือเป็นการคัมแบ็คของนักแสดงที่มากประสบการณ์ มีเครดิตมายาวนานเช่นเดียวกับ แม็ทธิว แม็คคอนาเฮย์ แต่เรดเมย์นได้เปรียบตรงเล่นท่ายาก และทำได้ดีขนาดมีคนนำไปเปรียบเทียบกับ เดเนียล เดย์-ลูว์อิสต์ ใน My Left Foot ปกติออสการ์ไม่ค่อยนิยมคนหนุ่มเท่าไหร่ แต่ถ้า เอเดรียน โบรดี้ (The Pianist) ทำได้ เรดเมย์นก็จะน่าจะมีโอกาสเช่นกัน และบางครั้งการคัมแบ็คก็อาจไม่ได้ลงเอยอย่างสุขสันต์เสมอไป ดังจะเห็นได้จากกรณี ฌอน เพนน์ (Milk) กับ มิคกี้ รู้ก (The Wrestler)

Fun Facts

· หลังออสการ์เปลี่ยนจำนวนหนังในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม Foxcatcher ทำสถิติเทียบเท่า Skyfall และ The Girl with the Dragon Tattoo ด้วยการถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์มากที่สุด (5 สาขาแต่ไม่ได้เข้าชิงในสาขาสูงสุดอย่างภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่หากนับรวมไปถึงปีแรกของการประกาศรางวัล They Shoot Horses, Don’t They? ยังคงครองสถิติตลอดกาลด้วยการเข้าชิงทั้งหมด 9 สาขา แต่ปราศจากสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม

· เบนเน็ต มิลเลอร์ กลายเป็นผู้กำกับคนแรกที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์โดยที่หนังของเขาไม่ได้เข้าชิงในสาขาสูงสุดนับแต่ออสการ์เพิ่มจำนวนหนังยอดเยี่ยมจาก 5 เป็น 10 เป็น 5-10

· โรซามุนด์ ไพค์ เป็นสาวบอนด์คนที่สามที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์ เธอรับบท มิแรนด้า ฟรอสต์ ประกบ เพียซ บรอสแนน ใน Die Another Day ส่วนสาวบอนด์อีกสองคนก่อนหน้านี้ที่ได้เข้าชิงและคว้ารางวัลไปครองในที่สุด คือ ฮัลลี เบอร์รี (Die Another Day) จาก Monster’s Ball และ คิม เบซิงเกอร์ (Never Say Never Again) จาก L.A. Confidential

· ระยะห่าง 42 ปี ระหว่างการเข้าชิงครั้งแรก (จาก The Godfather) กับการเข้าชิงครั้งล่าสุดในสาขาเดียวกัน (จากหนังเรื่อง The Judge) ของ โรเบิร์ต ดูวัล อาจไม่สามารถทำลายสถิติตลอดกาล (เหมารวมชายหญิง) ของ แคทเธอรีน เฮบเบิร์น (48 ปี นับจาก Morning Glory มายัง On Golden Pond) แต่ด้วยวัย 84 ปีทำให้เขากลายเป็นนักแสดงชายที่อายุมากสุดที่ได้เข้าชิงออสการ์ เจ้าของสถิติเดิม คือ ฮาล ฮอลบรูกส์ (82 ปีจาก Into the Wild ส่วนนักแสดงอาวุโสสุดที่ได้เข้าชิงออสการ์ไม่ว่าจะชายหรือหญิงยังคงเป็น กลอเรีย สจ๊วต (87 ปีจาก Titanic

· ถือเป็นครั้งแรกนับแต่ปี 1998 ที่นักแสดงทั้งหมด 20 คนเป็นคนผิวขาวทั้งสิ้น และนอกจาก Selma แล้ว หนังอีก 7 เรื่องที่เหลือในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมล้วนมีตัวละครเอกเป็นชายผิวขาว

· ความสำเร็จของ Boyhood กับ Whiplash ทำให้ 2015 กลายเป็นปีแรกที่หนังจากเทศกาลซันแดนซ์ถูกเสนอเข้าชิงสาขาสูงสุดมากกว่า 1 เรื่อง

· หลังถูกเสนอชื่อเข้าชิงในสาขานักแสดงนำชายจาก Silver Lining’s Playbook เมื่อสองปีก่อนและสาขานักแสดงสมทบชายจาก American Hustle เมื่อปีก่อน แบรดลีย์ คูเปอร์ ก็ทำสถิติเป็นนักแสดงที่ได้เข้าชิงออสการ์สามปีซ้อนเทียบเท่า วิลเลียม เฮิร์ทแจ๊ค นิโคลสันรัสเซล โครวริชาร์ด เบอร์ตันเกรกอรี เพ็คแกรี คูเปอร์ และสเปนเซอร์ เทรซี อีกแค่หนึ่งครั้งก็จะทำสถิติเทียบเท่า มาร์ลอน แบรนโด และ อัล ปาชิโน ส่วนสถิติสูงสุด คือ เข้าชิง ปีซ้อน ทำสำเร็จโดย เบ็ตตี้ เดวิส และ เกรียร์ การ์สัน

· เมอรีล สตรีพ (Into the Woods) ทำลายสถิติตัวเองอีกครั้งด้วยการเข้าชิงออสการ์เป็นครั้งที่ 19 สูงสุดในประวัติศาสตร์ออสการ์ ส่วนอันดับสองยังคงเป็น แจ๊ค นิโคลสัน และ แคทเธอรีน เฮบเบิร์น ที่เข้าชิงทั้งหมด 12 ครั้ง

Nominees React

· ฉันช็อกจนพูดอะไรไม่ออก ตลอดช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ใครพูดถึงเรื่องการถูกเสนอชื่อเข้าชิง ฉันจะล้อเลียนพวกเขาเพราะฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นไปได้ ตอนที่หนังเราไม่ติด 9 เรื่องสุดท้ายในสาขาหนังต่างประเทศยอดเยี่ยม ต้องยอมรับว่าฉันรู้สึกเศร้าใจนิดๆ เพราะฉันอยากไปร่วมงานออสการ์พร้อม ฌอง ปิแอร์ กับ ลุค (ดาร์เดนน์) ตอนโทรศัพท์มือถือฉันดังพร้อมๆ กับโทรศัพท์ในโรงแรม ฉันรู้สึกกังวลนิดๆ เพราะคิดว่ามีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่ามันคือขาวดี! พีอาร์ฉันโทรมาตอนตีห้า ฉันเพิ่งรู้ว่าได้เข้าชิงตอนเธอโทรมามาริยง โกติยาร์ด เข้าชิงสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจาก Two Days, One Night

· ผมตื่นเต้นและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก การได้เข้าชิงในปีที่เต็มไปด้วยผลงานแสดงชั้นยอดถือเป็นความรู้สึกที่วิเศษสุด ผมรีบโทรไปหาพ่อกับแม่ ซึ่งเป็นนักแสดงทั้งคู่ เพื่อบอกข่าวดีว่าลูกชายคนเดียวของพวกเขาถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ มันเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่น่าภูมิใจที่สุดในชีวิตของผม” เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบทช์ เข้าชิงสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก The Imitation Game

· คำว่าตื่นเต้นถือว่าน้อยไปด้วยซ้ำสำหรับอธิบายความรู้สึกผมในตอนนี้ การได้เห็นหนังเล็กๆ เกี่ยวกับมือกลองเพลงแจ๊สถูกเสนอชื่อเคียงข้างผลงานของนักทำหนังซึ่งผมชื่นชมมาตลอดชีวิตทำให้ผมรู้สึกภูมิใจอย่างมาก และการมีชื่ออยู่ร่วมกับนักเขียนบทชั้นยอดคือฝันที่กลายเป็นจริง ยิ่งไปกว่านั้น ผมรู้สึกซาบซึ้งที่คณะกรรมการเสนอชื่อทีมโปรดิวเซอร์ คนตัดต่อ ทีมบันทึกเสียง และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เจ.เค. ซิมมอนส์ กับงานแสดงระดับสุดยอด ให้ได้เข้าชิงพร้อมๆ กันด้วย การสร้างหนังเรื่องนี้ต้องใช้ความพยายามอย่างยิ่วยวดจากหลายๆ ส่วน ผมอยากจะขอบคุณพวกเขาและคณะกรรมการออสการ์” เดเมียน เชเซลล์ เข้าชิงสาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยมจากWhiplash

· ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสกอร์ใน Interstellar เป็นผลงานร่วมกันระหว่างคริสกับผม ในโลกยุคดิจิตอลที่คนส่งอีเมลและข้อความหากัน บางครั้งอะไรง่ายๆ อย่างการได้รับจดหมายเขียนด้วยลายมือจากผู้กำกับของคุณก็ช่วยกระตุ้นให้เกิดแรงบันดาลใจอย่างมาก คริสกับผมทำงานกันเป็นครอบครัว ดนตรีประกอบในหนังเรื่องนี้แต่งขึ้นโดยมีภาพลูกๆ ของเราอยู่ในความคิด นั่นทำให้เกียรติในการถูกเสนอชื่อเข้าชิงครั้งนี้ยิ่งพิเศษสุด ดนตรีประกอบใน Interstella เป็นผลงานของคริสโตเฟอร์มากพอๆ กับของผม” ฮัน ซิมเมอร์ เข้าชิงสาขาดนตรีประกอบยอดเยี่ยมจาก Interstellar

· ผมรู้สึกเป็นเกียรติสูงสุดที่ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถูกเสนอชื่อเข้าชิงเคียงข้างตากล้องระดับสุดยอดอีกหลายคน ผมมีความสุขมากที่ Birdman ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นหนังทดลองประเภทหนึ่ง ได้รับการยอมรับอย่างมาก มันน่าตื่นเต้นยิ่งขึ้นที่การยอมรับเหล่านั้นมาจากบรรดาเพื่อนร่วมอาชีพของคุณ ผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้ร่วมงานกับอเลฮานโดร ตอนนี้ผมกำลังถ่ายหนังอยู่ที่ประเทศแคนาดาซึ่งหนาวเหน็บมาก ข่าวดีนี้ช่วยให้ผมรู้สึกอบอุ่นอย่างประหลาด” เอ็มมานูเอล ลูเบซกี้ เข้าชิงสาขากำกับภาพยอดเยี่ยมจาก Birdmad

· มันเหลือเชื่อจริงๆ ฉันตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก ขอบคุณกรรมการสำหรับเกียรติอันสูงส่งในครั้งนี้ ฉันภูมิใจและรู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหนังเรื่อง Birdman ไม่อยากจะเชื่อเลย ฉันโคตรตื่นเต้นเลย ฉันพูดคำว่าโคตรได้ใช่มั้ย โคตรตื่นเต้นสุดๆ อ่ะ” เอ็มมา สโตน เข้าชิงสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก Birdman

· ฉันรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง มันยิ่งเปี่ยมความหมายเป็นพิเศษในช่วงนี้ที่มีการใช้ความรุนแรงกับสื่อมวลชนและเสรีภาพในการแสดงออก เรารู้สึกตื้นตันใจกับเสียงตอบรับจากคนดูที่มีต่อหนังของเรา ตอนฉันเดินทางไปฮ่องกงกับ เกล็น กรีนวัลด์ ฉันรู้สึกหวาดกลัวและไม่แน่ใจ ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะได้พบเจอกับใคร ฉันอยากขอบคุณ เอ็ดเวิร์ด สโนวเดน ที่ยอมเสี่ยงมาเปิดเผยความจริง และอนุญาตให้ฉันถ่ายทำช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตเขาซึ่งเต็มไปด้วยการเดิมพันขั้นสูงลอรา ปอยทราส เข้าชิงสาขาสารคดียอดเยี่ยมจาก Citizenfour

· ว้าว มันเจ๋งสุดไปเลย มันอยู่นอกเหนือความคิดฝันของชายผู้เริ่มต้นอาชีพนักแสดงด้วยการเล่นละครเวทีในเมืองมาทานา (อันที่จริง กระทั่งระหว่างถ่ายทำ Whiplash เราก็ไม่เคยคิดฝันว่าจะมีวันนี้) ผมดีใจมากที่หนังเล็กๆ ของเราได้เข้าชิงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และตื่นเต้นแทนเดเมียน เจ้าหนูมหัศจรรย์ ที่ผลงานของเขากลายเป็นที่ยอมรับเจ.เค. ซิมมอนส์ เข้าชิงสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจาก Whiplash

ไม่มีความคิดเห็น: