วันพุธ, กรกฎาคม 11, 2550

Short Replay: แสงศตวรรษ


ถึงแม้เซ็นเซ่อเมืองไทยจะไม่ปลื้มและสั่งห้ามฉาย แต่ แสงศตวรรษ ก็โกอินเตอร์ไปเรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งกวาดคำชมจากนักวิจารณ์เมืองนอกมาแบบกระบุงโกย เช่นเดียวกับหนังเรื่องอื่นๆ ของอภิชาติพงศ์ก่อนหน้านี้ มันค่อนข้างเบาบางในแง่พล็อต (เล่าถึงชีวิตเสี้ยวหนึ่งของหมอสาวในโรงพยาบาลชนบทกับหมอหนุ่มในโรงพยาบาลเมืองกรุง) แต่รุ่มรวยอารมณ์ ท่วงทีอันเนิบนาบ และความฉงนสนเท่ห์ ซึ่งทั้งหมดนั้นอาจทำให้หลายคนรู้สึกอิ่มเอิบ สุขใจ ขณะที่อีกหลายคนอาจเกิดอาการง่วงเหงาหาวนอน อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงหนึ่งซึ่งไม่อาจปฏิเสธได้ ก็คือ หนังของอภิชาติพงศ์ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน

สาเหตุหลักที่ผมตัดสินใจเลือก แสงศตวรรษ ซึ่งเป็นผลงานชิ้นล่าสุด คงเพราะมันเป็นหนังที่น่าจะเข้าถึงคนกลุ่มใหญ่ได้ แม้จะไม่ใช่ในระดับเดียวกับหนังประเภทระเบิดภูเขาเผากระท่อม รถยนต์พุ่งชนเฮลิคอปเตอร์ หรือหุ่นยนต์ต่างดาวต่อสู้กันก็ตาม เรื่องราวยังคงถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนเช่นเคย แต่การเชื่อมโยงค่อนข้างนุ่มนวล ไม่กระชากอารมณ์เท่า สัตว์ประหลาด ส่วนงานด้านภาพก็ดูปรุงแต่ง งดงาม ไม่ค่อยดิบเถื่อนเหมือน สุดเสน่หา ความท้าทายและอารมณ์ขันในแบบอภิชาติพงศ์ยังคงปรากฏให้เห็นครบถ้วน แต่อาจกล่าวได้ว่า แสงศตวรรษ เป็นหนังที่ “อ่อนหวาน” สูงสุดของอภิชาติพงศ์ จนเกือบถึงขั้นกรุ่นกลิ่นอายโรแมนติกเลยทีเดียว

3 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

แม้ผมจะเป็นคนที่ออกจะมะค่อยชอบ"หนังที่เนิบนาบราบเรียบ หรือ อ้อยอิ่ง และไม่รู้เรื่อง(หนังปีนกระได้ทั้งหลาย)" และแม้ว่าผมจะได้ดูหนังของคุณอภิชาติพงษ์เพียงเรื่อง Iron pussy เรื่องเดียวเท่านั้น(ชอบมากเสียด้วย)

แต่เรื่องนี้ ทำให้ผมอยากดูเหลือเกิน จากเสียงคนรอบข้างมากมาย ที่บอกว่า หนัง"น่าจะ"เข้าใจได้และอารมณ์โรแมนซ์แบบนั้น อยากชมครับ

Riverdale กล่าวว่า...

คงต้องรอดีวีดีอย่างเดียวแล้วล่ะ แต่จะบอกว่าหนังเรื่องนี้ควรชมในโรงภาพยนตร์อย่างแรง เพราะหลายช็อตของหนังงดงามจริงๆ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ว่าที่ หนังอันดับหนึ่งของเรา ปีนี้