วันอาทิตย์, ตุลาคม 05, 2551

เพื่อนกันไม่เฉพาะวันพระ


จากบทความ "ความลับหลังแท่นบูชาสีม่วง" (How to Become a Gay Icon) และเนื่องในโอกาสที่ เบ็ตต์ มิดเลอร์ เพิ่งออกอัลบั้มรวมฮิตใหม่ล่าสุดในชื่อ Jackpot! The Best Bette เรามาลองวิเคราะห์คุณสมบัติสำคัญที่ทำให้ The Divine Miss M กลายเป็นขวัญใจชาวสีม่วงกันดูดีกว่า นอกเหนือจากเหตุผลเด่นชัดว่าเธอเริ่มสร้างชื่อเสียงจากการร้องเพลงในโรงอาบน้ำสำหรับชาวเกย์

สำหรับเกย์และเลสเบี้ยน เพื่อนถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของชีวิต เนื่องจากพวกเขาแปลกแยกจากกฎเกณฑ์และธรรมเนียมปฏิบัติที่ชาวรักต่างเพศสร้างขึ้น แล้วพยายามสถาปนาเป็น “วิชาภาคบังคับของชีวิต” นั่นคือ การแต่งงาน สร้างครอบครัว และมีลูกหลานสืบทอดสายเลือดต่อไป

เมื่อไม่สามารถผลิตลูกหลานได้ ชาวรักร่วมเพศจึงต้องออกค้นหาครอบครัวสายน้ำที่พวกเขา “เลือกเอง” (โดยส่วนมากมักเป็นไปได้ในเมืองใหญ่ เนื่องจากวัฒนธรรมย่อยของเกย์และเลสเบี้ยนผูกติดกับวิถีชีวิตชาวเมือง) หรือกลุ่มเพื่อนซึ่งไม่สามารถสร้างครอบครัวทางสายเลือดได้เช่นกัน ดังนั้น จึงย่อมเข้าอกเข้าใจพวกเขาอย่างลึกซึ้ง

แง่มุมดังกล่าวสะท้อนชัดผ่านผลงานของ เบ็ตต์ มิดเลอร์ โดยเพลงดังระดับอมตะนิรันดร์กาลของเธอส่วนใหญ่ล้วนสรรเสริญมิตรภาพระหว่างเพื่อนเหนือความรักโรแมนติกระหว่างหนุ่มสาว และนั่นเองทำให้ชาวเกย์ “อิน” แบบหมดใจ เพลงเหล่านั้นก็เช่น Wind Beneath My Wings, Friends และ Every Road Leads Back to You นอกจากนี้ การนำเพลงเก่าของ The Beatles อย่าง In My Life มาคัฟเวอร์ใหม่ ก็สอดคล้องกับสมมุติฐานข้างต้น เมื่อเนื้อหาของเพลงเล่าถึงความทรงจำเกี่ยวกับเพื่อนที่ตายจากไป ซึ่งคล้ายคลึงกับประสบการณ์ที่เกย์หลายคนต้องเผชิญ เมื่อครั้งกระแสโรคเอดส์เริ่มแพร่ระบาดในช่วงทศวรรษ 1980

ไม่เพียงผลงานเพลงเท่านั้น ผลงานหนังของมิดเลอร์ก็ดูจะดำเนินไปตามครรลองเดียวกัน โดยเน้นย้ำความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนหญิงสองคน (Beaches) เพื่อนหญิงกับเพื่อนชาย (For the Boys) เพื่อนหญิงกลุ่มใหญ่ (The First Wives Club) หรือกระทั่งเพื่อนขนปุย (Oliver & Company) หนังการ์ตูนของดิสนีย์ ซึ่งเธอรับพากย์เสียง

หนึ่งในเพลงดังของมิดเลอร์อย่าง From a Distance อาจมีจุดมุ่งหมายหลักสำหรับต่อต้านสงคราม แต่ก็สามารถตีความครอบคลุมถึงชนกลุ่มน้อยของสังคมได้ด้วย เนื้อเพลงคร่าวๆ กล่าวว่า หากเรามองทุกอย่างจากระยะไกล (ในสายตาของพระเจ้า) มนุษย์ทุกคนล้วนเท่าเทียมกัน และมันคงปราศจากความทุกข์ยาก ความขัดแย้ง เพราะศัตรูที่กำลังสู้รบกันอยู่กลางสมรภูมิ หากมองจากระยะไกล ก็อาจเป็นเพื่อนกันได้ (งั้นเราต้องมาฆ่าฟันกันเพื่ออะไร) โดยคำศัพท์สำคัญในเพลงนี้ คือ harmony หรือความปรองดอง ซึ่งดูจะขาดแคลน (และไม่อาจเป็นไปได้) ในโลกปัจจุบัน

มองจากระยะไกล รักร่วมเพศก็ไม่แตกต่างจากมนุษย์คนอื่น พวกเขารู้จักรัก โลภ โกรธ หลงเช่นเดียวกับรักต่างเพศ พวกเขาอาจเป็นเพื่อน พี่น้อง ลูก เพื่อนร่วมงาน เจ้านาย ลูกน้อง ญาติสนิท หรือกระทั่งพ่อแม่ของเรา แต่สุดท้ายแล้วคนจำนวนไม่น้อยกลับยังเลือกจะมองทุกอย่างในระยะโคลสอัพ ภายใต้กรอบอันคับแคบ แล้วตัดสินว่าคนนั้นเลว คนนี้ดี คนนั้นเป็นฝ่ายตรงข้าม คนนี้เป็นฝ่ายเดียวกัน บางครั้งโดยพิจารณาจากเพียงสีผิว ศาสนา เชื้อชาติ หรือรสนิยมทางเพศ แต่หากถอยห่างออกไปสักหน่อย เราจะพบว่าพวกเขาล้วนเป็นมนุษย์ ซึ่งในที่สุดก็ต้องเสียชีวิต ย่อยสลาย และมลายกลายเป็นอากาศธาตุไม่ต่างจากเรา เช่นนี้แล้ว เราจะยืนยันว่าพวกเขาแตกต่างจากเราไปทำไม

ไม่มีความคิดเห็น: