วันอาทิตย์, พฤศจิกายน 16, 2551
การเอาคืนของช่องคลอด
ผมไม่แน่ใจว่าจะสามารถตีตรา Teeth เป็นหนังสยองขวัญอย่างเต็มปากได้ไหม เพราะดูเหมือนจุดมุ่งหมายของมันจะเน้นขู่ขวัญคนดู (โดยเฉพาะเพศชาย) มากพอๆ กับเรียกเสียงฮา (ผมเคยอ่านข่าวว่ารอบฉายที่เมืองนอก กลุ่มคนดูผู้หญิงหัวเราะและปรบมือให้กับฉาก “สยอง” ในหนังกันอย่างไม่เกรงอกเกรงใจ) แต่ที่แน่ๆ คือ มันดำเนินตามสูตรหนังสยองประเภท “ผู้หญิงเอาคืน” แบบชัดเจน เช่น Carrie (เด็กสาวมัธยมวัย “ซึมเปื้อน” ถูกเพื่อนๆ กลั่นแกล้ง เธอเลยใช้พลังจิตเอาคืนทุกคนอย่างสาสม) และ I Spit on Your Grave (นักเขียนสาวชาวเมืองไปพักร้อนในชนบทแล้วถูกหนุ่มบ้านนอกกลุ่มหนึ่งรุมข่มขืนอย่างโหดเหี้ยม ต่อมาเธอจึงตามล่า แล้วฆ่าพวกมันทิ้งทีละคน) โดยเฉพาะในช่วงท้ายเรื่อง เมื่อ ดอว์น นางเอกผู้มี “กลีบเขมือบ” เล่นงานลูกพี่ลูกน้องชายเพื่อล้างแค้นแทนแม่ของเธอ
ความสนุกอย่างแรกของ Teeth อยู่ตรงการกลับตาลปัตรภาพลักษณ์หนังสยองขวัญที่เราคุ้นเคย เมื่อเรือนร่างเพศหญิงถูกปกปิดมิดชิด ขณะที่พวกตัวละครเพศชายเกือบทุกคนพากันปลดเปลื้องเสื้อผ้าแบบไม่อายฟ้าดิน พูดง่ายๆ คือ ในหนังเรื่องนี้คุณจะเห็นหัวนมผู้ชาย (บางครั้งในระยะโคลสอัพ) บ่อยกว่าหัวนมผู้หญิง และที่สำคัญ คุณจะได้เห็นอวัยวะเพศชาย (ที่ถูกกัดขาด... และในบางกรณียังถูกหมาคาบไปกินเสียอีก) ในระยะโคลสอัพ แต่อย่าคิดว่าจะได้เห็นแม้กระทั่งบางส่วนของเจ้าตัวการที่กัดพวกมันขาด
ถ้าคุณคุ้นเคยกับฉากเปิดเรื่องในห้องล็อกเกอร์ของ Carrie ซึ่งกล้องโลมเลียเรือนร่างเพศหญิงเปลือยเปล่า (พร้อมสรรพด้วยฟิลเตอร์ซอฟท์) ราวกับหนัง soft porn ฉากห้องล็อกเกอร์ใน Teeth จะให้อารมณ์แตกต่างอย่างสิ้นเชิง
ความสนุกประการต่อมา คือ วิธีที่หนังถ่มน้ำลายใส่แนวคิดชายเป็นใหญ่ เริ่มจากการให้ดอว์นเป็นสาวพรหมจรรย์ที่คลั่งลัทธิรักษาความบริสุทธิ์จนกว่าจะถึงวันวิวาห์ ไม่ต้องสงสัยว่าแนวคิดเกี่ยวกับการรักษาพรหมจรรย์และความลึกลับของช่องคลอด (ในหนัง ตำราเพศศึกษาระบุรายละเอียดเกี่ยวกับองคชาติพร้อมภาพประกอบอย่างเปิดเผย ส่วนภาพช่องคลอดกลับถูกปกปิดด้วยสติกเกอร์ดวงใหญ่) โดนปลูกฝังมาช้านานโดยเพศชาย เพื่อบีบกดไม่ให้เพศหญิงได้ลิ้มรสความรื่นรมย์แห่งเพศสัมพันธ์ (หนังในกลุ่ม slasher film อาทิ Halloween สาวบริสุทธิ์จะรอดชีวิตเป็นคนสุดท้าย ส่วนสาวร่านสวาทจะต้องโดนฆ่าตาย) ดังจะเห็นได้จากความหวาดกลัวของดอว์น เมื่อเธอเริ่มลุ่มหลงมนุษย์เพศชาย และอยากสำรวจความต้องการทางเพศ
ถ้า “กลีบเขมือบ” ทำงานด้วยการกัดทุกอย่างที่ล่วงล้ำเข้ามา มันคงช่วยตอกย้ำแนวคิดเกี่ยวกับการรักษาพรหมจรรย์ แต่ตรงกันข้าม มันเลือกทำงานตามความพอใจของ “เจ้าของ” กล่าวคือ ถ้าผู้ชายพยายามจะล่วงล้ำเข้ามาโดยเจ้าของไม่เห็นด้วย (ข่มขืน) เช่น กรณีของโทบี้ มันจะกัดขาด ถ้าหมอใช้นิ้วล้วงคว้านกันแบบไม่ถนอมน้ำใจ มันก็จะกัดขาดเช่นกัน แต่ถ้าผู้ชายสามารถมอบความสุขให้เจ้าของได้ ผ่านการเล้าโลมอย่างค่อยเป็นค่อยไป เช่น กรณีไรอันกับนิ้วตัวช่วยของเขา มันก็จะปล่อยให้สิ่งแปลกปลอมผ่านเข้ามาได้ และเมื่อดอว์นค้นพบความหรรษาทางเพศ เธอก็ปลดเปลื้องความเก็บกดภายในออกจนหมด ซึ่งหนังได้แสดงออกอย่างเป็นรูปธรรมด้วยการให้เธอยืนเปลือยกายหน้ากระจก สำรวจความงามแห่งเพศหญิงอย่างชื่นชม หลังจากก่อนหน้านี้เธอมักจะสวมใส่เสื้อผ้ามิดชิดมาตลอด
ฉากหนึ่งของหนัง มีการพูดถึงวิวัฒนาการของงูหางกระดิ่ง ซึ่งพัฒนาคุณลักษณะพิเศษขึ้นมา (หางกระดิ่ง) เพื่อ “พวกมันจะได้ไม่ถูกย่ำยี” (“They didn’t get step on”) บางทีเจ้า “กลีบเขมือบ” ก็อาจมีคุณสมบัติเดียวกัน นั่นคือ ช่วยไม่ให้เพศหญิง ซึ่งโดยสรีระแล้วเป็น passive ในขณะที่ผู้ชายเป็น active ถูกย่ำยีเพียงฝ่ายเดียว แต่สามารถโต้กลับได้แบบฉับพลัน ซึ่งนั่นกินความหมายตั้งแต่ ผู้ชายที่พยายามจะข่มขืนผู้หญิง (โทบี้) ไปจนถึงผู้ชายหน้าหม้อที่เห็นผู้หญิงเป็นแค่เครื่องระบายอารมณ์ (แบรด, ไรอัน และตาแก่ลามกในฉากปิดเรื่อง)
ในสังคมที่ผู้ชาย “ข่มขืน” ผู้หญิง ทั้งโดยร่างกายและโดยสังคม/การเมืองมาตลอดเวลาหลายศตวรรษ การปรากฏตัวขึ้นของหนังแฟนตาซี/สยองขวัญอย่าง Teeth จึงเปรียบเสมือนยาหอมที่จะช่วยปลอบประโลมใจ... อย่างน้อยก็เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่ง ก่อนเราจะต้องออกมาเผชิญโลกแห่งความจริงนอกโรงภาพยนตร์
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
4 ความคิดเห็น:
ที่ตลกร้ายอีกอย่างคือ ชื่อนางเอก Dawn
มันแปลว่า รุ่งอรุณ
แต่เราผ่าน รุ่งอรุณ แบบนี้มากี่ทีแล้ว...
ขอบคุณมากนะคะ คือว่าแอบเข้ามาอ่านหลายครั้งแล้ว พอดีหาข้อมูลเกี่ยวกับหนังที่มีประเด็นผู้หญิงอยู่_พอได้มาอ่านหลายบทความแล้ว ได้ประโยชน์มากๆๆเลย ขอบคุณอีกครั้ง แล้วจะเข้ามารบกวนอีกค่ะ...Ploy
อยากดู!!!
^
^
^
หนังเข้าฉายสัปดาห์นี้ แต่แนะนำให้หาแผ่นมาดู เพราะฉบับในโรงหนังโดนตัดครับ :)
แสดงความคิดเห็น