วันพุธ, มีนาคม 13, 2556

Oscar 2013: Best Supporting Actress


แซลลี ฟิลด์ (Lincoln)
 
ในปี 2012 คงไม่เกิดคำถามอีกแล้วว่า แซลลี ฟิลด์ หายไปไหน เพราะอดีตเจ้าของสองรางวัลออสการ์จาก Norma Rae และ Places in the Heart กำลังงานชุกและถูกกล่าวขวัญถึงอย่างมากมาย หลังจากเริ่มเบนเข็มไปเอาดีทางจอแก้วอยู่พักใหญ่ (บทเด่นบนจอใหญ่เรื่องล่าสุดของเธอ คือ Eye for an Eye เมื่อปี 1996) โดยในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา เธอรับบทป้าเมย์ในหนังซัมเมอร์สุดฮิต The Amazing Spider Man จากนั้นไม่กี่เดือนต่อมา เธอก็พลิกบทบาทแบบ 360 องศา มาแสดงในหนังพีเรียดเต็งรางวัลเรื่อง Lincoln โดยรับบทเป็นภรรยาของประธานาธิบดี อับราฮัม ลินคอล์น และกวาดคำชมได้มากมายไม่แพ้ เดเนียล เดย์-ลูว์อิสต์ ในบทนำ

แต่กว่าจะได้บทนี้มาครอง เธอต้องฟันฝ่าอุปสรรคอย่างหนัก โดยแรกเริ่มเดิมทีเธอถูกวางให้เล่นประกบ เลียม นีสัน ลึกๆ ในใจฉันรู้ว่าแมรีเป็นบทที่เหมาะกับฉัน ฉันรู้สึกแบบนั้นมานานหลายปีแล้ว เพราะเธอมีรูปร่างใกล้เคียงกับฉัน และเพราะเธอเป็นตัวละครที่น่าสนใจนักแสดงสาวใหญ่ ซึ่งสูง 5 ฟุต 2 นิ้ว เท่ากับ แมรี ท็อดด์ ลินคอล์น กล่าว ฉันอยากเล่นบทนี้ และสปีลเบิร์กก็ขอให้ฉันมาเล่นเป็นแมรีตั้งแต่ตอนที่ยังไม่มีบทด้วยซ้ำแต่แล้วเมื่อนีสันถอนตัวออกไป และเดย์-ลูว์อิสต์เข้ามาเสียบแทน ฟิลด์ก็จำเป็นต้องโน้มน้าวผู้กำกับ 2 รางวัลออสการ์อีกครั้งว่าเธอยังคงเหมาะสมกับบทนี้มากที่สุด (ฟิลด์แก่กว่าเดย์-ลูว์อิสต์ 10 ปี และแก่กว่านีสัน 5 ปี แต่ในชีวิตจริงแมรีอ่อนกว่าลินคอล์นเกือบ 10 ปี) “ฉันโทรหาสตีเวนและบอกว่าฉันไม่ยอมให้คุณเลือกคนอื่นมาเล่นเด็ดขาด เขาพูดว่า แซลลี... ผมมองไม่ออกว่าคุณจะเล่นคู่กับเดเนียลได้ยังไง กับเลียมผมพอจะเห็นภาพ แต่ไม่ใช่กับเดเนียล

ฟิลด์ต้องทุ่มเทความพยายามสุดกำลังเพื่อโน้มน้าวสปีลเบิร์ก เมื่อทราบว่าเขากังวลเรื่องความต่างของอายุ เธอโต้กลับว่ามันจะมองไม่ออกบนจอ เพราะเดเนียลจะอยู่ในสภาพอ่อนล้าและผอมแห้ง นอกจากนี้ เธอยังบอกว่าอายุที่มากกว่าของเธอทำให้เธอเหมาะจะสวมบทเป็นผู้หญิงที่มั่นใจ มีการศึกษา และพูดจาตรงไปตรงมาอย่างแมรี ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญที่ช่วยผลักดันให้สามีเธอกลายเป็นผู้ทรงอำนาจทางการเมือง คุณจะหานักแสดงหญิงคนไหนที่สะท้อนความหนักแน่นได้อย่างฉัน และถึงมี พวกเขาก็แสดงประกบเดเนียลไม่ไหวหรอก แต่ฉันทำได้ เขาไม่มีทางเขี่ยฉันกระเด็นจากจอแน่นอนฟิลด์รำลึกถึงคำมั่นที่เธอให้ไว้กับสปีลเบิร์ก

เธอเรียกร้องให้สปีลเบิร์กลองทดสอบหน้ากล้อง ซึ่งเขาก็ยอมทำตาม แต่กับเธอแบบเดี่ยวๆ แล้วนำไปตัดต่อเข้ากับฟุตเตจก่อนหน้าของเดย์-ลูว์อิสต์ แม้จะยังรู้สึกไม่แน่ใจ แต่สปีลเบิร์กก็ไม่อาจสลัดภาพฟิลด์ออกจากหัวได้ เขาโทรกลับไปหาเธอในวันรุ่งขึ้นบอกว่าเดย์-ลูว์อิสต์อยากพบเธอตัวเป็นๆ คำตอบนั้นช่วยจุดประกายความหวังผสมปนเปกับความรู้สึกกดดันขั้นสูงสุด ถ้าฉันถือปืนอยู่ในมือ คงระเบิดหัวตัวเองให้พ้นทุกข์พ้นโศกไปแล้วเธอกล่าว เดย์-ลูว์อิสลงทุนบินจากไอร์แลนด์มายังแอลเอเพื่อทดสอบบทร่วมกับฟิลด์ เพราะเขาเห็นว่าสปีลเบิร์กควรได้ดูทั้งสองเข้าฉากด้วยกัน สิ่งที่ตามมา คือ การด้นสดแบบยาวนานเกือบ 1 ชั่วโมง เราต่างก็ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของขบวนการเตรียมตัว แต่พร้อมจะสวมวิญญาณตัวละคร เพราะเราต่างก็ทำการบ้านกันมาอย่างหนักฟิลด์กล่าว จากนั้นเมื่อกลับถึงบ้าน เธอก็ได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าบทแมรีตกเป็นของเธอ

ฉันต่อสู้สุดชีวิตเพื่อบทนี้ฟิลด์กล่าว ฉันต้องพลินผันตัวเองอย่างสิ้นเชิงและทำในสิ่งที่ไม่คุ้นเคย เพราะจริงๆ แล้วฉันเป็นคนขี้อายและค่อนข้างสงบปากสงบคำ มันเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นพบบุคลิกดื้อรั้นและกล้าหาญของแมรีจะว่าไปแล้วอาจพูดได้ว่าคุณสมบัติข้างต้นเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ฟิลด์เชี่ยวชาญ หากสังเกตจากบทที่ทำให้เธอคว้าออสการ์มาครอง แต่ขณะเดียวกัน ฟิลด์ก็ต้องสะท้อนให้เห็นด้านที่อ่อนแอ โศกเศร้าของแมรีไปพร้อมๆ กันด้วย หลังลูกชายสองคนของเธอต้องมาเสียชีวิตก่อนวัยอันควร (นักประวัติศาสตร์เชื่อว่าช่วงเลานั้นเธอกำลังตกอยู่ในภาวะซึมเศร้า) และแน่นอนว่าฟิลด์สามารถถ่ายทอดทุกแง่มุมเหล่านั้นออกมาได้อย่างหมดจดเช่นกัน


แอนน์ แฮทธาเวย์ (Les Miserables)

ตอนอายุ 16 ปี แอนน์ แฮทธาเวย์ ตัดสินใจว่าเธอคงจะเอาดีทางการแสดงไม่ได้ หลังจากถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่าโดยฝ่ายแคสติ้ง แม้กระทั่งเมื่อไปคัดตัวหนังโฆษณาแชมพูเคลียราซิล ใครจะคาดคิดว่าอีก 14 ปีต่อมา ความมุ่งมั่น ไม่ยอมแพ้ของเธอก็ได้ผลตอบแทนสวยหรู ทั้งในแง่อาชีพการงานและชีวิตส่วนตัว โดยในเดือนสิงหาคมประธานาธิบดี บารัค โอบามา ออกมากล่าวชื่นชมเธอว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในหนังเรื่อง The Dark Knight Rises จากนั้นอีกหนึ่งเดือนต่อมา เธอก็ได้เข้าพิธีวิวาห์กับนักออกแบบเครื่องประดับ อดัม ชูลแมน และตบท้ายด้วยแจ๊คพ็อตใหญ่ นั่นคือ ติดรายชื่อผู้เข้าชิงออสการ์เป็นครั้งที่ 2 คราวนี้ในสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากการรับบทเป็นฟองทีน ตัวละครซึ่งเปรียบเสมือนนิยามของวลีที่ว่า ชีวิตบัดซบในหนังเพลงเรื่อง Les Miserables

แม้จะกวาดรางวัลนักวิจารณ์มาครองเป็นกระบุงโกย แต่สิ่งที่ทำให้แฮทธาเวย์ปลื้มมากที่สุด คือ การได้คำชมจากแม่ของเธอ ผู้เคยรับบทฟองทีนตอนที่ละครเพลงเรื่องนี้เปิดแสดงเป็นครั้งแรกในอเมริกา เธอเป็นฟองทีนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ฉันไม่คิดว่าตัวเองล้วงลึกถึงจิตวิญญาณฟองทีนมากเท่าเธอ แอนนีทำให้ฉันมองเห็นตัวละครได้ชัดเจนขึ้น เนื่องจากเธอหาข้อมูลมาอย่างรอบด้านเคท แฮทธาเวย์ กล่าว

ก่อนจะกลายมาเป็นซูเปอร์สตาร์ แฮทธาเวย์ไม่ได้รับเสียงสนับสนุนจากคุณพ่อทนายความและคุณแม่นักแสดงให้เดินหน้าเข้าวงการมายาสักเท่าไหร่ พวกเขาลังเลเมื่อเห็นลูกสาววัย 18 ปี ได้รับบทเด่นประกบดาราระดับตำนานอย่าง จูลี แอนดรูว์ ใน The Princess Diaries ถึงขนาดต้องขอคุยกับผู้กำกับ แกรี มาร์แชล เพื่อแสดงความเป็นห่วง พวกเขากลัวว่าลูกสาวจะโดนดึงเข้าด้านมืดของเซ็กซ์และยาเสพติด ในทางตรงกันข้าม นิสัยเอาจริงเอาจังของแฮทธาเวย์ทำให้เธอใช้เวลาหมดไปกับการศึกษาบทมากกว่าท่องตระเวนราตรี และหลังจากหนังทำเงินถล่มทลายจนมีการสร้างภาค 2 ตามออกมา แฮทธาเวย์ก็สินใจหยุดพักการแสดงไว้ชั่วคราวเพื่อไปเรียนต่อ

เมื่อหวนคืนสู่สังเวียนมายาอีกครั้ง เธอเริ่มเบนความสนใจไปยังบทที่ซับซ้อนขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้นในความพยายามจะสลัดหลุดจากภาพลักษณ์ของ The Princes Diaries เช่น บทภรรยาคาวบอยเกย์ใน Brokeback Mountain บทอดีตขี้ยาที่มีอดีตอันเจ็บปวดใน Rachel Getting Married ซึ่งทำให้เธอเข้าชิงออสการ์เป็นครั้งแรก บทผู้ป่วยเป็นโรคพาร์คินสันใน Love and Other Drugs และล่าสุดบทหญิงสาวที่ถูกชะตากรรมกลั่นแกล้งจนพบจุดจบอันแสนเศร้าใน Les Miserables “เวลาฉันเห็นศักยภาพทางการแสดงของ เมอรีล สตรีพ หรือ เคท บลันเช็ตต์ หรือ เคท วินสเล็ท มันทำให้ฉันอยากก้าวไปถึงจุดนั้นบ้าง ฉันเชื่อว่าตัวเองมีพรสวรรค์ไม่เท่าพวกเขา ฉะนั้นสิ่งเดียวที่ฉันสามารถทำได้ คือ ทุ่มเทให้หนัก แฮทธาเวย์กล่าว อันที่จริง ความทุ่มเทของเธอนั้นเรียกได้ว่าขึ้นชื่อจนบางครั้งก็เกือบจะมากเกินไป (ผู้กำกับ ทอม ฮูเปอร์ ต้องเกลี้ยกล่อมไม่ให้เธอลดน้ำหนักลงมากถึง 25 ปอนด์เพื่อรับบทฟองทีน) นอกจากนี้ แฮทธาเวย์ยังลงเรียนคลาสการร้องเพลงเป็นเวลาหลายเดือน และฝึกร้องไห้หน้ากระจกอย่างหนักเพื่อฝึกควบคุมกล้ามเนื้อบนใบหน้า แต่สิ่งที่ยกระดับการแสดงของเธอไปอีกขั้น คือ วิธีถ่ายทอดอารมณ์โกรธที่คุกรุ่นอยู่ลึกๆ ของฟองทีนไปสู่คนดูในฉากเพลง I Dream a Dream ซึ่งจะทำลายภาพลักษณ์รื่นเริงอ่อนหวานของแฮทธาเวย์แบบที่เราทุกคนคุ้นเคยไปอย่างราบคาบ

แฮทธาเวย์ยืนกรานให้ฮูเปอร์ถ่ายฉากเธอร้องเพลงนี้มากกว่า 12 เทค แม้เขาจะบอกว่าเธอแสดงได้ยอดเยี่ยมตามที่เขาต้องการแล้วในเทคที่ 4 ทั้งนี้เพราะเธออยากรู้ว่าตัวเองจะสามารถนำเสนอในอีกรูปแบบที่แตกต่าง และอาจดีกว่าเดิมได้ไหม แต่หลังจากผ่านไป 20 เทค ฮูเปอร์ก็บอกให้เธอหยุด ฉันคิดว่า โอเค ฉันคงทำให้ดีกว่านี้ไม่ได้แล้วเธอเล่า และเมื่อถูกถามว่าเมื่อได้ดูหนังบนจอแบบเต็มๆ แล้ว รู้สึกพอใจกับการแสดงของตัวเองในฉากนั้นมากแค่ไหน คำตอบของเธอ คือ ก็งั้นๆพร้อมกับยักไหล่อย่างไม่แยแส... แน่นอน กรรมการออสการ์และคนอีกจำนวนมากคงไม่เห็นด้วยกับเธออย่างยิ่ง


เฮเลน ฮันท์ (The Sessions)

สำหรับ เฮเลน ฮันท์ ความกล้าหาญสามารถแสดงออกได้ในหลายรูปแบบ บางครั้งมันอาจหมายถึงการช่วยใครสักคนไม่ให้จมน้ำตาย บางครั้งมันอาจเป็นการช่วยให้นักเขียนที่ป่วยเป็นโรคโปลิโอได้สูญเสียพรหมจรรย์เป็นครั้งแรกเหมือนตัวละครที่เธอแสดงใน The Sessions “มันคืออีกรูปแบบหนึ่งของความกล้าหาญเธอกล่าว หนังดัดแปลงมาจากเรื่องจริง ส่วนตัวละครที่ฮันท์สวมบทบาทมีอาชีพเป็นนักบำบัดเซ็กซ์ ซึ่งเรียกร้องให้เธอต้องเปลือยอารมณ์มากพอๆ กับเรือนร่าง จริงอยู่ว่าบทหนังเต็มไปด้วยอารมณ์ขันมากมายเกี่ยวกับสถานการณ์อันน่าอึดอัดและประดักประเดิด แต่ขณะเดียวกันก็พูดถึงเรื่องเพศอย่างละเอียด ใกล้ชิด และตรงไปมาตรงมา ซึ่งนั่นเรียกร้องความกล้าหาญและความทุ่มเทจากนักแสดงสาววัย 49 ปีอยู่ไม่น้อย เชอริล กรีน จะพูดถึงองคชาตและช่องคลอดในลักษณะเดียวกับช่างซ่อมรถพูดถึงคาร์บูเรเตอร์และไส้กรองน้ำมัน แต่การบำบัดเซ็กซ์ไม่ได้หมายถึงแค่การพูดคุยกันเท่านั้น เพราะโดยส่วนใหญ่แล้วหน้าที่ของนักบำบัดหมายรวมถึงการมีเซ็กซ์กับลูกค้าด้วย

ฮันท์เป็นหนึ่งในนักแสดงจำนวนไม่มากที่เริ่มต้นอาชีพสายบันเทิงจากโทรทัศน์  โด่งดังเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปจากซิทคอมสุดฮิต Mad About You ก่อนจะประสบความสำเร็จในการเบนเข็มสู่จอใหญ่ผ่านหนังฮิตอย่าง Twister และหนังตลก-โรแมนติก ซึ่งทำให้เธอคว้ารางวัลออสการ์มาครอง อย่าง As Good As It Gets แต่ดูเหมือนว่าหลังจาก Cast Away บทดีๆ สำหรับผู้หญิงวัยกลางคนก็เริ่มส่งตรงมาหาเธอน้อยลงเรื่อยๆ จนทำให้ฮันท์ห่างหายจากจอภาพยนตร์ไประยะหนึ่ง แม้ว่าจะยังรับเล่นบทสมทบ หรือบทเด่นในหนังอินดี้ที่ไม่มีใครรู้จักอยู่บ้างประปราย และเบนเข็มไปนั่งหลังกล้องกับหนังเรื่อง Then She Found Me ฮันท์ยอมรับว่าบท เชอริล กรีน เป็นข้อเสนอที่น่าตะขิดตะขวงใจไม่น้อย มองในมุมหนึ่ง มันเป็นบทที่ยอดเยี่ยม น่าสนใจในหลายระดับ และเล่าถึงเรื่องราวอันเป็นเอกลักษณ์ ชวยให้ติดตาม แต่ขณะเดียวกันก็เรียกร้องให้นักแสดงต้องนุ่งลมห่มฟ้าอยู่หลายฉาก ฉันไม่สามารถปฏิเสธข้อเสนอได้ เพราะบทดีๆ แบบนี้แทบหาไม่ได้อีกแล้ว เรียกได้ว่าหนึ่งในร้อยเลยทีเดียวเธอกล่าว ขณะเดียวกัน หากต้องลดทอนความโป๊ลงจากที่เป็นอยู่ มันก็จะถือเป็นการทรยศต่อเรื่องราวและจิตวิญญาณที่แท้จริงของบท

ในตอนแรกผู้กำกับ เบน เลวิน เสนอให้ถ่ายฉากเซ็กซ์ในโลเคชั่นเลย แต่ฮันท์ยืนกรานให้ซักซ้อมการถ่ายทำฉากเซ็กซ์อย่างละเอียดก่อน ด้วยเหตุนี้ เธอจึงเชิญเลวินและตากล้อง เจฟฟรีย์ ซิมป์สัน มาที่บ้าน เพื่อร่วมกันวางแผนว่าจะให้นักแสดงอยู่ตรงไหน หรือกล้องต้องเคลื่อนที่อย่างไร เพราะในความคิดเห็นของเธอฉากทำนองนี้ไม่ควรจะไปลองผิดลองถูกเอาหน้างานจนทำให้การถ่ายทำยืดเยื้อโดยไม่จำเป็น

เลวินกล่าวว่าสิ่งท้าทายอีกอย่างสำหรับฮันท์ (นอกเหนือจากการเปลือยกายท้าแดดลมฝน) คือ เธอต้องรักษาสมดุลระหว่างความเป็นมืออาชีพของตัวละครกับความเปราะบางทางอารมณ์ เมื่อ เชอริล กรีน เริ่มรู้สึกผูกพันกับลูกค้า ที่สำคัญ ฮันท์ยังต้องทำทั้งหมดนี้ไปพร้อมๆ กับแสดงคารวะต่อ เชอริล กรีน ตัวจริงโดยไม่พยายามเลียนแบบเธอ ผมคิดว่าเธอเป็นตัวละครที่ซับซ้อนกว่า มาร์ค โอ เบรียน นักเขียนโปลีโอซึ่งเป็นพระเอกของเรื่องเสียอีกผู้กำกับกล่าว เธอมีสองด้านที่ขัดแย้งกันในตัว เป็นคุณแม่ชนชั้นกลางที่ยอมมีเซ็กซ์กับคนแปลกหน้าเพื่อแลกเงิน

นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์ ซึ่งล่าสุดเพิ่งเขียนบทหนังเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกชายเสร็จ พร้อมทั้งหวังว่าจะได้กำกับและนำแสดงเองในอนาคตอันใกล้ กล่าวว่าบทในหนังเรื่อง The Sessions แม้จะเต็มไปด้วยฉากโป๊เปลือย แต่ก็งดงามจนยากที่จะบอกปัด ฉันไม่พิสมัยการต้องเปลือยกายเข้าฉากต่อหน้าคนหลายคนเลยสักนิด จะว่าไปมันพิสูจน์ได้อย่างว่า ฉันยินดีขายเรือนร่างตัวเองเพื่อแลกกับเรื่องดีๆ สักเรื่อง


เอมี อดัมส์ (The Master)

ครั้งแรกที่ได้อ่านบทหนังเรื่องใหม่ของ พอล โธมัส แอนเดอร์สัน ชื่อว่า The Master เอมี อดัมส์ มองเห็นโอกาสที่จะได้สวมบทบาทเป็นตัวละครแบบที่เธอไม่เคยเล่นมาก่อน ใครสักคนที่ภายนอกดูเป็นคุณแม่แสนดี แต่ข้างในลึกๆ แล้วอัดแน่นด้วยความรู้สึกคุกรุ่น รุนแรงจนเกือบจะเป็นความโกรธแค้น เธอกล่าว อดัมส์เริ่มต้นสร้างชื่อเสียงจากบทผู้หญิงอ่อนหวานในหนังซึ่งทำให้เธอถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์เป็นครั้งแรกเรื่อง Junebug เมื่อ 7 ปีก่อน และบทเจ้าหญิงแสนดีตามสไตล์ วอลท์ ดิสนีย์ ในหนังเพลง/แฟนตาซี/โรแมนติก-คอมเมดีสุดฮิตเรื่อง Enchanted แต่ดูเหมือนในช่วงหลังๆ เธอพยายามจะเปลี่ยนภาพลักษณ์ตัวเองไปสู่บทผู้หญิงแกร่งมากขึ้น เช่น บาร์เทนเดอร์สาวใน The Fighter ซึ่งส่งผลให้เธอถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์อีกเช่นกัน และบทภรรยาจอมบงการของผู้นำลัทธิในอเมริกาช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองใน The Master

พอล (โธมัส แอนเดอร์สัน) ไม่ได้ระบุชัดว่ามันเป็นหนังวิพากษ์ลัทธิ Scientology หรือบอกให้นักแสดงไปศึกษาหาข้อมูล หรืออ่านหนังสือเล่มใดเป็นพิเศษ ฉันจึงไม่รู้สึกถึงความจำเป็นว่าจะต้องค้นคว้าเกี่ยวกับศาสนา/ระบบความเชื่อ/ลัทธิดังกล่าว ฉะนั้นส่วนใหญ่ฉันจะพูดคุยกับพอลในแง่พื้นเพของตัวละครมากกว่า เธอเป็นผู้หญิงที่มีการศึกษาสูง แต่ในยุคนั้นผู้หญิงไม่มีทางเลือกมากนัก มันเป็นเหมือนโลกอีกใบหนึ่ง ฉันเริ่มต้นหาหนังสือเกี่ยวกับยุคสมัยดังกล่าวมาอ่านเพิ่มเติม เธอเป็นผู้หญิงที่ค้นพบอำนาจด้วยการหลบซ่อนอยู่เบื้องหลังผู้ชาย และยินดีทำทุกอย่างเพื่อให้อยู่ในอำนาจต่อไป ฉันชอบตัวละครที่ภายนอกเป็นอย่างหนึ่ง แต่ภายในกลับเป็นอีกอย่างที่ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เพราะฉันเชื่อว่าชีวิตจริงของเราก็เป็นเช่นนั้นอดัมส์กล่าว

ซัมเมอร์ปีนี้นักแสดงสาววัย 38 ปีกำลังจะก้าวเข้าสู่ดินแดนที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อนอีกครั้งด้วยการรับบทเป็น โลอิส เลน ในหนังซูเปอร์ฮีโรเรื่องแรกของเธอ นั่นคือ Man of Steel กำกับโดย แซ็ค ชไนเดอร์ ฉันพยายามจะลองสิ่งใหม่ที่แตกต่างออกไปเพื่อท้าทายตัวเอง และนี่คงเป็นโอกาสเดียวที่ฉันจะได้เล่นบทนี้ เพราะตัวจริงของฉันช่างแตกต่างจาก โลอิส เลนราวฟ้ากับเหวเธอพูดยิ้มๆ พร้อมกับก้มมองเสื้อผ้าเรียบง่ายของตนอย่างถ่อมตัว ในชีวิตจริงอดัมส์อาจดูสุภาพ เป็นมิตร แต่ขณะเดียวกันก็สร้างกำแพงในระดับหนึ่ง เธอดูลังเลเหมือนไม่อยากเปิดเผยตัวตนมากเกินไป และมักจะหลบเลี่ยงคำถามด้วยรอยยิ้ม หรือคำตอบทำนองว่า ก็ไม่รู้สิในทางตรงกันข้าม บทบาทการแสดงของเธอบนจอมักเปิดเผยให้คนดูสามารถจับสังเกตบุคลิก ตลอดจนอุปนิสัยของตัวละครได้อย่างชัดเจน บางทีการรักษาระยะห่าง หลบเลี่ยงชีวิตส่วนตัวจากแสงไฟและหน้านิตยสารซุบซิบนินทาอาจเป็นเป้าหมายหนึ่งของนักแสดง เพื่อให้คนดูมองเห็นพวกเขาสวมบทบาทเป็นใครก็ได้อย่างไม่รู้สึกตะขิดตะขวงใจ

แม้จะเอ็นจอยชีวิตนักแสดง แต่อดัมส์ตระหนักดีว่าเธอกำลังเดินมาถึงทางแยกสำคัญของชีวิตเช่นเดียวกับคุณแม่ทำงานทั้งหลาย ฉันอยากมีเวลาให้กับเอเวียนามากขึ้นเธอกล่าวถึงลูกสาววัย 2 ขวบของเธอกับคู่หมั้น ดาร์เรน เลอ กัลโล ฉันตั้งใจว่าจะโหมทำงานหนักระหว่างที่เธอยังเล็ก แต่พอเธอโตพอจะรับรู้สภาพแวดล้อมรอบข้างแล้ว ฉันจะลดปริมาณการทำงานลง แค่ตอนนี้เธอก็ไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่แล้วที่เห็นฉันทำงานตลอดเวลา ปากเธอจะเบ้ทุกครั้งเวลาฉันออกจากบ้านไปกองถ่าย แต่ขณะเดียวกันก็มีบทอีกมากมายที่น่าสนใจ และคนอีกหลายคนที่ฉันอยากร่วมงานด้วย โอกาสเหล่านี้ไม่ได้คงอยู่ตลอดไป และฉันก็ไม่อยากมองย้อนกลับมาด้วยความรู้สึกเสียดาย


แจ๊คกี้ วีเวอร์ (Silver Linings Playbook)



ที่ประเทศออสเตรเลียบ้านเกิด แจ๊คกี้ วีเวอร์ สั่งสมชื่อเสียงมานานจากการแสดงหนัง ซีรีย์ทางทีวี และละครเวทีหลายเรื่อง แต่เมื่อต้องมาทำงานในฮอลลีวู้ดร่วมกับดาราดังๆ ระดับโลก เธอกลับมีสภาพไม่แตกต่างจากบรรดาแฟนหนังทั่วไปสักเท่าไหร่ ฉันคิดว่าอเมริกาควรจะมีบรรดาศักดิ์กับเขาบ้าง และพวกเขาควรถูกแต่งตั้ง โรเบิร์ต เดอ นีโร เป็น เซอร์ โรเบิร์ต เดอ นีโร ลอร์ดแห่งกรีนวิช วิลเลจเธอกล่าวถึงนักแสดงระดับตำนานผู้รับบทเป็นสามีของเธอในหนังเรื่อง Silver Linings Playbook ก่อนจะเสริมว่าอาการบ้าดาราไม่ได้เกิดขึ้นกับเธอเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึง ฌอน เทย์เลอร์ สามีในชีวิตจริงของเธอด้วย เขาอิจฉามาก ไม่ใช่เพราะหึงเมียที่ต้องเข้าฉากขึ้นเตียงกับผู้ชายอื่นหรอกนะ แต่เพราะเขาเป็นนักแสดงและชื่นชอบเดอ นีโรสุดๆ เลยอยากเป็นคนที่ได้เข้าฉากขึ้นเตียงกับเขา

ในหนังวีเวอร์เปรียบดังกาวใจของครอบครัวและคลังเสบียงหลักของสองพ่อลูกคลั่งฟุตบอล ฉันเหมือนเดินอยู่บนสนามที่เต็มไปด้วยกับระเบิดเธอกล่าวถึงตัวละคร โดโลเรส โซลิทาโน ฉันอยากให้ผู้ชายทั้งสองคนในชีวิตมีความสุข  แต่พวกเขาล้วนมีปัญหาหนักหน่วงด้วยกันทั้งคู่กล่าวคือ ลูกชายของเธอเป็นโรคอารมณ์สองขั้วและเพิ่งออกจากรพ. โรคจิต ส่วนสามีเธอก็เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ อารมณ์ร้อน และเพิ่งตกงานจนต้องมาเป็นพนักงานรับแทงพนัน แต่แทนที่จะหดหู่ หรือหนักหน่วง โทนอารมณ์โดยรวมของหนังกลับเต็มไปด้วยชีวิตชีวาและอารมณ์ขัน ซึ่งวีเวอร์ยกเครดิตให้ผู้กำกับ เดวิด โอ รัสเซลล์ เวลาทำงานกับเขา คุณไม่มีทางรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาจะยืนประชิดตัวคุณมากที่สุดเท่าที่จะทำได้โดยไม่หลุดเข้าไปอยู่ในช็อต แล้วจู่ๆ ก็สั่งเปลี่ยนทิศทางแบบไม่ทันตั้งตัว คุณต้องพร้อมจะด้นสดตลอดเวลา มันชวนให้หัวใจวายในบางครั้ง แต่ก็กระตุ้นสมาธิได้ดี

ไม่ต้องสงสัยว่าการถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์เมื่อ 2 ปีก่อนจากหนังเรื่อง Animal Kingdom เปลี่ยนแปลงชีวิต ตลอดจนความรุ่งโรจน์ทางด้านอาชีพการงานของวีเวอร์อย่างเห็นได้ชัด เธอกำลังจะมีหนังใหม่เข้าฉายเรื่อง Stoker ประกบ นิโคล คิดแมน เพิ่งปิดกล้องหนังสยองขวัญเรื่อง Haunt ในยูทาห์ และกำลังจะเปิดกล้องหนังดรามาเรื่อง Parkland ในบทแม่ของ ลี ฮาร์วีย์ ออสวอลด์ ประกบ บิลลี บ็อบ ธอร์นตัน และ พอล จิอาแมตติ ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองจะโชคดีขนาดนี้นักแสดงวัย 65 ปีกล่าว ฉันไม่เคยคิดฝันว่าจะได้มาทำงานในอเมริกา แต่หลังจากได้เข้าชิงออสการ์ บทหนังก็หลั่งไหลเข้ามา และฉันต้องบินไปนัดพบผู้กำกับรุ่นใหม่จำนวนมาก

ถึงแม้ Silver Linings Playbook จะโฟกัสไปยังครอบครัวอเมริกันชนชั้นแรงงานในฟิลาเดลเฟีย แต่วีเวอร์คิดว่านั่นไม่น่าจะเป็นปัญหาในการเข้าถึงคนกลุ่มใหญ่จากทุกประเทศทั่วโลก เพราะมันพูดถึงความสัมพันธ์ในครอบครัวและความคลั่งไคล้ในกีฬา ซึ่งทุกคนจากทุกวัฒนธรรมคงจะอินได้ไม่ยาก เมื่อถูกถามถึงฉากโปรดในหนัง เธอยกตัวอย่างฉากที่ เดอ นีโรวิงวอนให้ลูกชายฉวยโอกาสเอาไว้หลังการประกวดเต้นรำ แค่คิดถึงมันก็ทำเอาฉันขนลุกแล้วเธอกล่าว นอกจากนี้ เธอยังยินดีแบ่งปันความภาคภูมิใจส่วนตัวที่เกิดขึ้นในระหว่างถ่ายทำด้วยว่า ฉันไม่เก่งเลขเท่าไหร่หรอก แต่ตอนถ่ายฉากเต้นรำ (ซึ่งสองตัวละครเอกจะต้องได้คะแนนเฉลี่ย 5 จึงจะชนะการแข่งขัน) ฉันเห็นป้ายบอกคะแนนของคณะกรรมการและหยุดคิดไม่ได้ว่า พวกมันรวมกันแล้วไม่ได้คะแนนเฉลี่ยเท่ากับ 5 นี่ พวกเขาซ้อมกันอยู่หลายรอบจนฉันต้องเดินไปบอกผู้อำนวยการสร้าง เขาถึงกับร้องขึ้นว่า คุณพระช่วยมีคนเข้าฉากนั้นมากกว่า 300 คน แต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็นสักคน สุดท้ายพวกเขาเลยเปลี่ยนป้ายคะแนนใหม่พูดได้ว่าหากปล่อยให้หลุดตาไป ข้อผิดพลาดดังกล่าวอาจทำให้พลังดรามาของฉากนั้นลดลงไม่น้อย ฉันช่วยชีวิตหนังเรื่องนี้ไว้เลย ฉันรู้สึกภูมิใจมากๆเธอหัวเราะ

ไม่มีความคิดเห็น: