วันเสาร์, พฤษภาคม 19, 2561

Oscar 2018: Best Supporting Actress


แมรี เจ. ไบลจ์ (Mudbound)

ครั้งแรกที่ แมรี เจ. ไบลจ์ เห็นตัวเองบนจอในหนังเรื่อง Mudbound เธอถึงกับหลั่งน้ำตา เธอกลายเป็นคนอีกคนซึ่งไม่มีใครจดจำได้ แต่ขณะเดียวกันก็งดงามอย่างบอกไม่ถูก ฟลอเรนซ์ แจ็คสัน เป็นภรรยาชาวไร่ในรัฐมิสซิสซิปปี ที่พยายามดำเนินชีวิตไปตามครรลองอันคับแคบของอเมริกายุคหลังสงครามโลกครั้งที่สอง เธอเห็นหลายสิ่งหลายอย่าง แต่เลือกจะหุบปากเงียบเป็นส่วนใหญ่ เธอกับสามีฝันอยากจะครอบครองที่ดินเป็นของตัวเอง แต่สังคม ณ ช่วงเวลานั้นกลับเต็มไปด้วยกดขี่ ความหวาดกลัว และอคติอันเข้มข้น น่าตกใจที่ตอนหนังฉายในเทศกาลซันแดนซ์ คนดูไม่รู้ว่าเป็นเธอจนกระทั่งเครดิตขึ้นดี รีส์ ผู้กำกับหนัง กล่าว

อาจพูดได้ว่าไบลจ์ถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์จากบทที่แตกต่างจากตัวตนที่เธอสั่งสมมาตลอด 25 ปีในวงการเพลง เจ้าของฉายาราชินีแห่งเพลงฮิปฮอป-โซลฉันคุ้นเคยกับการใส่วิกผมบ็อบ แต่ต้องปลดทุกอย่างออกหมด แล้วเผยให้เห็นผมที่แท้จริงของฉัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันกลัวมาตลอด ดีปลดเปลื้องฉันเพื่อให้เปิดเผยตัวตนแท้จริง ผู้คนชอบพากันชื่นชมว่าฉันสวย แต่ฉันไม่รู้หรอกว่าจริงๆ ฉันสวยหรือเปล่า เข้าใจที่ฉันพูดใช่มั้ย ฉันไม่มีทางรู้เลย

ไบลจ์เป็นนักร้องที่โด่งดัง แต่ชื่อเสียงหาใช่เครื่องชี้วัดว่าคนนั้นมองเห็นคุณค่าของตัวเองเสมอไป ความรู้สึกด้อยค่าคือปมในจิตใจเธอเช่นเดียวกับเราทุกคน รากเหง้าดังกล่าวอาจถือกำเนิดจากสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายในช่วงวัยเด็ก เธอถูกพ่อทอดทิ้ง เติบโตมาในชุมชนที่โคเคนหาซื้อได้ทั่วไปตามท้องถนน และโดนคนรู้จักของครอบครัวกระทำย่ำยีทางเพศ การมีส่วนร่วมใน Mudbound ทำให้ไบลจ์ตระหนักว่าเธอกำลังใช้ภาพลักษณ์ดาวเพลงอาร์แอนด์บีเป็นเปลือกนอกห่อหุ้มตัวตนอันเปราะบางภายใน เธอร้องเพลงจากความในใจเบื้องลึก เนื้อหาส่วนใหญ่มักวนเวียนอยู่กับบทเรียนสำคัญ นั่นคือ การเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง จากนั้นคุณถึงพร้อมจะมอบความรักให้คนอื่น เพลงฮิตของเธออย่างเช่น Real Love, Family Affair และ No More Drama ล้วนบอกเล่าชีวิตของพวกเราทุกคนเช่นกัน ไม่ว่าคุณจะเคยซื้ออัลบั้มเธอ หรือซื้อตั๋วมาชมคอนเสิร์ตอันน่าตื่นเต้นของเธอหรือไม่ก็ตาม เวลาฉันขึ้นร้องเพลงบนเวทีทุกคืน ฉันไม่ได้ทำเพื่อแฟนเพลงเท่านั้น แต่เพื่อตัวฉันเองด้วยไบลจ์กล่าว ฉันรู้สึกเหมือนเป็นวันแรก ฉันจะหวนรำลึก No More Drama อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เพราะสิ่งเหล่านั้นมันเกิดขึ้นจริง มันจึงล่องลอยกลับมาอีกครั้ง มันอาจช่วยบำบัดจิตใจให้คนอื่น แต่ในเวลาเดียวกันก็ช่วยบำบัดจิตใจของฉันเองด้วย

ภาพลักษณ์ทอมบอย เริ่มต้นเข้าวงการในมาดฮิปฮอป สวมหมวกเบสบอลกลับหลัง และปราศจากความเซ็กซี่แบบผู้หญิ้งผู้หญิงเหมือน วิทนีย์ ฮุสตัน หรือมารายห์ แครีย์ ทำให้เธอค่อนข้างแตกต่างจากดาวเพลงป็อปคนอื่นๆ ฉันไม่ชอบใส่กระโปรง ฉันเกลียดชุดเดรส เพราะฉันชอบนั่งท่านี้ (เธอโน้มตัวมาข้างหน้า วางศอกบนเข่า และกางขา) ฉันนั่งท่านี้ไม่ได้ถ้าใส่กระโปรงสั้นไบลจ์กล่าว ก่อนจะเสริมว่าบางทีภาพลักษณ์ดังกล่าวส่วนหนึ่งอาจถือกำเนิดขึ้นเพื่อ ความอยู่รอดด้วย ฉันทำงานกับผู้ชายมากมาย เติบโตมาท่ามกลางผู้ชาย ฉันไม่อยากให้พวกเขามองฉันแบบนั้น ฉันเลยนั่งท่าเดียวกับพวกเขา พูดจาเหมือนพวกเขาโดยไม่รู้ตัวเองด้วยซ้ำ พวกเขาจึงเลิกฉันเหมือนเป็นผู้หญิง

แน่นอนว่ารีส์คุ้นเคยกับเสียงเพลงของไบลจ์ ติดตามผลงานเธอในฐานะนักร้องมาเนิ่นนาน แต่งานแสดงส่วนใหญ่ของเธอมักจำกัดให้เธอแสดงเป็นตัวเองเสียมากกว่า เช่น เมื่อเธอรับบทช่างทำผมปากจัดของ ไวโอลา เดวิส ในซีรีส์ฮิต How to Get Away With Murder (เธอยืนยันว่าเธอมีทักษะในการ เย็บวิกจริงแบบเดียวกับตัวละครในซีรีส์) รีส์ส่งบทหนังเรื่อง Mudbound ให้ไบลจ์พิจารณาหลังเธอได้ชม The Wiz Live! เมื่อปี 2015 ซึ่งไบลจ์รับบทแม่มดชั่วร้ายแห่งทิศตะวันตก เธอประทับใจความทุ่มเทของไบลจ์ในการสื่อสารอารมณ์ได้อย่างน่าเชื่อถือผ่านรายการถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ งานนี้นับเป็นเดิมพันขั้นสูงของรีส์ เพราะการถ่ายทำ Mudbound เต็มไปด้วยความทรหด หนังมีงบจำกัดจำเขี่ย ส่วนโลเกชั่น คือ กลางฤดูร้อนในรัฐลุยเซียนา แต่ไบลจ์หาใช่ดีวาอีโกจัดอย่างที่บางคนอาจนึกกลัว เธอยินดีจะทำงานหนัก จดจำบทพูดของทุกคนได้เหมือนเป็นบทตัวเอง แล้วกลายร่างเป็นฟลอเรนซ์ถึงขนาดที่บรรดานักแสดงประกอบฉากทั้งหลายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอคือ แมรี เจ. ไบลจ์ เธอจะเก็บงำความอ่อนแอเอาไว้ภายในรีส์กล่าว เธออ่อนไหวอย่างมาก แต่ก็พยายามอดกลั้นไว้ มีหลายฉากที่เธอจะยืนนิ่งเงียบ แต่กลับบอกกล่าวทุกอย่างผ่านสีหน้าแววตา นักแสดงหลายคนจะตระหนักถึงสภาพแวดล้อมรอบตัว แต่เธอค่อนข้างนิ่ง เหมือนครุ่นคิดกับตัวเองอยู่ตลอด

ฉันชิงชังความเจ็บปวด แต่ฉันเรียนรู้วิธีที่จะรับมือมันไบลจ์กล่าว เพื่อปฏิบัติตามภารกิจที่พระเจ้าต้องการ ฉันจำเป็นต้องก้าวผ่านสารพัดสิ่งอุปสรรคดูเหมือนไม่เคยห่างหายไปจากชีวิต แต่เธอก็ก้าวข้ามพวกมันไปได้ทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติด (โคเคน) เหล้า ปัญหาการเงิน ปัญหาเรื่องภาษี ซึ่งส่วนใหญ่ (หากตัดสินใจเนื้อเพลงและบทสัมภาษณ์เธอมาตลอดเวลาหลายปี) เกิดจากการที่เธอไม่สามารถหาผู้ชายที่ไว้ใจได้ เธอกำลังอยู่ในขั้นตอนฟ้องหย่าจากสามี/ผู้จัดการส่วนตัว เคนดู ไอแซ็กส์ ระหว่างถ่ายทำหนังเรื่อง Mudbound แต่ไม่ได้บอกใคร มันไม่ใช่เรื่องที่ต้องบอกใคร ไบลจ์กล่าว ฉันแค่เก็บไว้ในใจ แล้วทุ่มเทให้กับการเป็นฟลอเรนซ์

ไบลจ์บอกว่าเธออาศัยประสบการณ์ในวัยเด็กเพื่อให้เข้าถึงตัวละครอย่างฟลอเรนซ์ ฉันจำได้ว่าทุกหน้าร้อนเราจะเดินทางลงใต้เพื่อไปเยี่ยมคุณตาคุณยายที่ฟาร์ม ฉันใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมา ความยากลำบาก ความท้าทายที่เคยเจอเพื่อสวมบทบาทเป็นฟลอเรนซ์ขณะเดียวกันเสื้อผ้า รองเท้า กองถ่ายที่เลอะโคลนแทบทุกหนแห่ง ก็ช่วยให้เธออินไปกับตัวละครได้ไม่น้อย ไม่มีวันไหนเลยของการถ่ายทำที่เราจะมีความสุขสนุกสนาน บางวันอาจง่ายหน่อยที่จะกลับบ้านแล้วทิ้งตัวละครไว้ข้างหลัง แต่บางวันก็ยากลำบากไบลจ์รำลึก ก่อนจะยกตัวอย่างฉากที่ลูกชายฟลอเรนซ์ถูกแขวนคอในสภาพเปลือยเปล่าถือเป็นหนึ่งในฉากที่ยากลำบากที่สุดของการถ่ายทำ



ออกเทเวีย สเปนเซอร์ (The Shape of Water)

ไม่เคยมีใครเขียนบทให้กับ ออกเทเวีย สเปนเซอร์ มาก่อน ฉะนั้นเมื่อเธอได้รับโทรศัพท์จากเอเยนต์แจ้งข่าวว่า กิลเลอร์โม เดล โทโร อยากนัดทานอาหารกลางวันเพื่อพูดคุยเรื่องโครงการหนัง เธอจึงรีบตอบตกลง ฉันเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ กิลเลอร์โม เดล โทโร ฉันดูหนังที่เขากำกับทุกเรื่อง รวมไปถึงหนังที่เขาเป็นแค่ผู้อำนวยการสร้างฝ่ายบริหารด้วย ผลงานเขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่โดดเด่นนักแสดงสาววัย 45 ปีเล่า แต่แล้วการนัดทานอาหารที่ควรกินเวลาแค่ 30 นาทีกลับยืดยาวกลายเป็น 3 ชั่วโมง ทั้งสองพูดคุยกันสารพัดเรื่อง ทั้งชีวิต ความรัก ความคลั่งไคล้ของเก่า และการลดน้ำหนัก แทบทุกอย่างยกเว้นโครงการหนัง ซึ่ง เดล โทโร วกกลับมาพูดถึงในช่วงสุดท้ายของบทสนทนาว่าเขาอยากให้เธอลองอ่านบทหนังเรื่องหนึ่ง สเปนเซอร์ยอมรับว่าในใจเธอตอบตกลงตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว และพอได้อ่านบทจริง เธอก็ตกหลุมรักหนังตั้งแต่ฉากแรกอันเปี่ยมไปด้วยมนตร์เสน่ห์น่าค้นหา ฉากแรกที่ทุกอย่างจมอยู่ใต้น้ำ ฉันได้แต่คิดว่า พระเจ้า ถ้าเขาจะทำหนังเรื่องนี้ละก็ ฉันเอาด้วยแน่

ใน The Shape of Water สเปนเซอร์รับบทเป็น เซลดา พนักงานทำความสะอาดสาวผิวดำที่เป็นเพื่อนสนิทกับอีไลซา (แซลลี ฮอว์กินส์) สาวใบ้ที่ตกหลุมรักกับสัตว์ประหลาดใต้น้ำในห้องแล็บซึ่งพวกเธอทำงานอยู่ ทั้งสองลงเอยด้วยการช่วยเหลือให้สิ่งมีชีวิตน่าอัศจรรย์นั้นเป็นอิสระ รอดพ้นจากการถูกผ่าแยกชิ้นส่วนเพื่อทำการศึกษา สำหรับสเปนเซอร์หนึ่งในประเด็นสำคัญของหนังเรื่องนี้ คือ การแบ่งแยก เลือกปฏิบัติ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่คนร่วมสมัยสามารถเข้าถึงได้ แม้หนังจะมีฉากหลังย้อนไปช่วงสงครามเย็นก็ตาม มันน่าสนใจเพราะกิลเลอร์โมเป็นละตินอเมริกัน ฉะนั้นเขาจึงถูกตีตราว่าเป็น คนนอกได้เช่นกันเธอกล่าว เขาสะท้อนปัญหาสังคมโดยไม่ได้ชี้นิ้วกล่าวโทษใคร สองตัวละครเอกในหนังไม่สามารถพูดได้ เขาจึงปล่อยให้เหล่าตัวละครคนชายขอบ เช่น ภารโรงหญิงผิวดำ ศิลปินเกย์ที่ไม่เปิดเผยตัวเอง (ริชาร์ด เจนส์กิน) เป็นเหมือนปากเสียงแทนพวกเขา

ถึงแม้ตัวละครของสเปนเซอร์จะเป็นหนึ่งในคนชายขอบ แต่อาจกล่าวได้ว่าเธอมักจะแผ่รังสี ตัวแม่เวลาอยู่ในที่ทำงาน เซลดามีชีวิตอยู่ในปี 1962 คนผิวสียังไม่มีสิทธิเลือกตั้ง เธอจึงเป็นเหมือนพลเมืองชั้นสองในแง่ภาพรวมวงกว้าง แต่ภายในศูนย์วิจัยที่เธอทำงานอยู่ เธอเป็นเหมือนราชินี เธอพูดเป็นต่อยหอยสเปนเซอร์กล่าว หลายคนอาจนิยาม The Shape of Water ว่าเป็นหนังรักโรแมนติกระหว่างหญิงสาวกับสัตว์ประหลาดใต้น้ำ แต่ รูปแบบความรักในหนังยังครอบคลุมไปถึงมิตรภาพระหว่างอีไลซากับเพื่อนเกย์ข้างห้องและเซลดาด้วยในความเห็นของสเปนเซอร์ รูปทรงของน้ำในชื่อหนัง คือ รูปทรงของความรัก กล่าวคือความรักย่อมถือรูปทรงไปตามภาชนะ ฉะนั้นถ้าคุณเป็นคนน่ารังเกียจ รูปทรงของน้ำของคุณก็จะน่ารังเกียจตามไปด้วย แต่ถ้าคุณเป็นคนเปี่ยมเมตตา คุณก็จะสามารถมองข้ามความแตกต่างภายนอกได้ และนั่นเป็นแง่มุมอันงดงามที่หนังเรื่องนี้นำเสนอ อย่างไรก็ตาม การต้องเล่นประกบตัวละครที่เป็นใบ้อย่างอีไลซาไม่ใช่ปัญหาสำหรับสเปนเซอร์เท่าไหร่ (นอกจากเรื่องการท่องจำบทพูดยาวๆ เพราะเธอเป็นโรคบกพร่องในการอ่านหนังสือ) เนื่องจากน้องชายเธอก็เป็นใบ้ ทำให้เธอคุ้นเคยภาษามือเป็นอย่างดี มันทำให้ฉันยิ่งอินกับบทนี้ ฉันเข้าใจความงามของการไม่สามารถพูดจาสื่อสาร แต่ยังคงถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างเต็มเปี่ยม

ก่อนจะก้าวมาเป็นนักแสดง สเปนเซอร์เคยทำงานเป็นผู้ช่วยกองถ่ายในช่วงยุค 90 และหนึ่งในนั้นคือกองถ่ายหนังเรื่อง A Time to Kill ของ โจเอล ชูมัคเกอร์ ที่นำแสดงโดย แซนดร้า บูลล็อก และ แม็ทธิว แม็คคอนาฮีย์ วันหนึ่งโอกาสหล่นใส่ตักเธอให้ได้เล่นบทตัวประกอบเป็นนางพยาบาลในหนัง จากนั้นเธอก็ได้รับข้อเสนอให้เล่นเป็นนางพยาบาลอีก 15 เรื่อง จนกระทั่งเธอสลัดหลุดจากภาพลักษณ์ดังกล่าวได้สำเร็จแล้วก้าวขึ้นเป็นที่รู้จักของผู้ชมทั่วโลกภายในชั่วพริบตาด้วยการรับบทคนรับใช้ตัวแสบ ซึ่งทำให้คนดูจดจำพายช็อกโกแลตในตำนานได้ติดตาใน The Help หนังที่เพื่อนซี้ยาวนานของเธอ เทท เทย์เลอร์ รับหน้าที่กำกับ

รางวัลออสการ์ที่เธอคว้ามาครองช่วยพลิกโฉมอาชีพการงานจากหน้ามือเป็นหลังมือ คนรู้จักฉันและเริ่มเสนอบทให้ฉันเล่น ก่อนหน้านี้ฉันหาเลี้ยงชีพด้วยการแสดงสมทบตามละครทีวี นั่นเป็นรายได้หลักของฉัน แต่ก่อนพวกบทรับเชิญที่ได้เล่นมากกว่าหนึ่งตอนจะตกเป็นของเหล่านักแสดงระดับรองๆ แต่เดี๋ยวนี้พวกเขากลับเสนอบทเหล่านั้นให้กับนักแสดงชื่อดัง ถ้าฉันได้ข้อเสนอเป็นบทเหล่านั้น ฉันจะรู้สึกผิดถ้าตอบรับ เพราะมันเป็นรายได้หลักของนักแสดงที่ไม่ได้โด่งดังและต่างกำลังดิ้นรนเพื่อให้อยู่รอด The Help เป็นเหมือนจุดเปลี่ยน ก่อนหนังเข้าฉายไม่มีใครคิดมาก่อนว่ามันจะทำเงิน ฉันได้บทใน Snowpiercer ก่อนเทศกาลรางวัลจะเริ่มต้นขึ้น แต่หลังจากออสการ์ ฉันได้รับข้อเสนอให้เล่นบทคนรับใช้อีกนับไม่ถ้วน แต่ไม่มีบทไหนมีน้ำหนัก หรือน่าสนใจในระดับเดียวกับ The Help

นอกจากรับบทเป็นผู้หญิงในยุค 60 ซึ่งทำให้เธอเข้าชิงออสการ์สามครั้งแล้ว สเปนเซอร์ยังมีผลงานในบทสมทบอย่างต่อเนื่อง เช่น หนังอินดี้ที่กวาดคำชมจากนักวิจารณ์อย่าง Fruitvale Station หนังแฟรนไชส์บล็อกบัสเตอร์ Insurgent และหนังรักโรแมนติก The Shack และปีนี้เธอจะกำลังร่วมงานกับ เทท เทย์เลอร์ อีกครั้งในหนังเขย่าขวัญเรื่อง Ma ซึ่งเริ่มเปิดกล้องไปแล้ว โดยเธอจะแสดงประกบ ลุค อีแวนส์ และ จูเลียต ลูอิส ทุกอย่างดูเหมือนจะไปได้สวย ตอนอายุ 20 กว่า คุณจะคอยเป็นห่วงเรื่องว่าคนอื่นจะคิดยังไง ซึ่งก็ดีแล้ว พออายุ 30 กว่า คุณเริ่มค้นพบและมองเห็นตัวเองว่าเป็นใคร และตอนอายุ 40 กว่า ซึ่งตอนนี้ฉันก็ 40 กว่า แถมค่อนมาทางปลายๆ แล้วด้วย ฉันเพิ่งตระหนักว่าฉันไม่ค่อยแคร์เท่าไหร่ว่าใครจะคิดยังไง เพราะการเป็นตัวเองให้ดีที่สุดเป็นสิ่งเดียวที่ฉันสามารถทำได้ และถ้านั่นยังไม่ดีพอ ฉันก็คงไม่มาเสียเวลาคิดกังวลจนนอนไม่หลับอย่างแน่นอน



ลอรี เม็ทคาล์ฟ (Lady Bird)

ช่วงสองสามสัปดาห์ก่อนหน้าการประกาศรายชื่อผู้เข้าชิงออสการ์ ลอรี เม็ทคาล์ฟ เริ่มหมดสภาพจากความเหน็ดเหนื่อยของการเดินสายในช่วงเทศกาลรางวัล ช่วงเดือนที่ผ่านมามันเหลือเชื่อมาก เหมือนฉันติดอยู่บนขบวนรถไฟที่วิ่งไม่ยอมหยุด นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันต้องเผชิญกับอะไรแบบนี้นักแสดงวัย 62 ปีกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ จะมีคนคอยบอกให้คุณไปงานโน้นงานนี้ คิดว่าพวกเขาคงวางแผนกันมาหมดแล้วเหตุผลที่ชีวิตของเม็ทคาล์ฟถูกแปลงสภาพให้ต้องวุ่นอยู่กับการหาชุดใส่ออกงาน เดินสายถ่ายแบบ ให้สัมภาษณ์ และเตรียมสุนทรพจน์ เป็นผลมาจากงานแสดงอันน่าจดจำของเธอในหนังเรื่อง Lady Bird กำกับโดย เกรตา เกอร์วิก

หลังจากเป็นที่รู้จักของคนส่วนใหญ่จากผลงานละครโดย สเตพเพน วูล์ฟ ที่ชิคาโกและบทน้องสาวของ โซแซนน์ บาร์ ในซิทคอม Roseanne ระหว่างปี 1988-1997 (ซึ่งกำลังจะถูกชุบชีวิตให้กลับมาอีกครั้งในฤดูใบไม้ผลิปีนี้) บทคุณแม่สุดเข้มงวด แต่เปี่ยมความรักใน Lady Bird ถือเป็นการเล่นหนังครั้งแรกของเธอในรอบ 10 ปี และเป็นบทบาทที่ได้เนื้อได้หนังมากที่สุดของเธอ ฉันไม่ได้ตอบปฏิเสธข้อเสนอใครนะ ขอให้เข้าใจตรงกันด้วย ฉันแค่ไม่เคยอยู่ในแวดวงอย่างแท้จริง ฉันเริ่มต้นจากละครเวที ก่อนจะหักเลี้ยวครั้งใหญ่ด้วยการตกลงเล่น Roseanne ซึ่งออกอากาศอยู่นาน 10 ปี จากนั้นฉันก็กลับมายังละครเวทีอีกครั้ง จนกระทั่งได้ข่าวเรื่องหนังอินดี้เล็กๆ ชื่อ Lady Bird ในใจคิดว่านี่อาจเป็นโอกาสให้ฉันได้ลองจุ่มเท้าเข้าสู่วงการหนังอีกครั้งเจ้าของสามรางวัลเอ็มมีกับหนึ่งรางวัลโทนีกล่าว

Lady Bird ดำเนินเหตุการณ์ในเมืองซาคราเมนโตปี 2002 เป็นเหมือนภาพรวมความทรงจำของตัวผู้กำกับ เล่าถึงเรื่องราวการเติบโตของเด็กสาววัยรุ่นที่โหยหา อยากโบยบินออกจากภูมิหลังของชนชั้นกลางระดับล่าง และแม่ของเธอซึ่งเป็นผู้หญิงขยันขันแข็ง ทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว แต่ปราศจากจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ คือ ตัวแทนของทุกสิ่งทุกอย่างที่เธออยากจะหลบหนี ความเห็นอกเห็นใจหลักของคนดูอาจเอนเอียงเข้าหาตัวละครเอก ซึ่งรับบทโดย เซอร์ชา โรแนน แต่ความอ่อนโยน เปี่ยมเมตตาในงานกำกับของเกอร์วิก ทำให้คนดูไม่อาจตัดสินได้ว่าควรจะเข้าข้างใครดี ทั้งสองฝ่ายต่างมีเหตุผล มีความชอบธรรม ฉันไม่คาดคิดว่าบทแม่จะมีส่วนสำคัญกับเรื่องราวของลูกสาวขนาดนี้เม็ทคาล์ฟกล่าว ในหนังอื่นๆ ที่เคยเจอ ถ้าครอบครัวของเด็กสาวในหนังจะเข้ามามีบทบาท แม่มักถูกวางตัวเป็นผู้ร้าย แต่เกรตากลับใส่สีสัน รายละเอียดให้ตัวละครแม่อย่างเต็มที่

ความสัมพันธ์ซับซ้อนทั้งรักทั้งเกลียดระหว่างสองสาวต่างวัย เมื่อนาทีหนึ่ง เลดี้ เบิร์ด (โรแนน) อาจจะมองแม่ของเธอด้วยแววตาดูถูก ชิงชัง แต่นาทีต่อมาทั้งสองกลับกลายเป็นเพื่อนซี้ เออออห่อหมกเกี่ยวกับชุดสวยสักชุดในร้านขายเสื้อผ้ามือสอง ดูเหมือนจะแทงทะลุโดนใจนักดูหนังในอเมริกาจำนวนมากจนทำให้มันกลายเป็นหนังเดทของแม่กับลูก แม่กับลูกสาวหลายคู่บอกฉันว่าพวกเขาไปดูหนังเรื่องนี้ด้วยกันเม็ทคาล์ฟเล่า หลายครั้งพวกเขาบอกว่าดูแล้วเหมือนตรัสรู้บางอย่างจากบทสนทนาบางช่วงของหนัง ตอนที่แม่พูดว่า แม่แค่อยากให้ลูกเป็นตัวเองให้ดีที่สุดแล้วลูกสาวตอบว่า ถ้านี่คือดีที่สุดแล้วล่ะจากนั้นสองแม่ลูกก็มองหน้ากัน ต่างเห็นอีกฝ่ายในมุมที่ต่างออกไป มันวิเศษสุดที่หนังสามารถทำให้คนดูรู้สึกแบบนั้นได้

เช่นเดียวกับ เลดี้ เบิร์ด ในซาคราเมนโต เม็ทคาล์ฟเติบโตมาในคาร์บอนเดล รัฐอิลลินอยส์ พร้อมด้วยพรสวรรค์ชัดแจ้ง แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรกับมันฉันบังเอิญได้เล่นละครเวทีตอนอยู่มัธยม สนุกกับมันมาก แต่ไม่รู้ว่าคนเราสามารถหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นนักแสดงได้ ฉันไม่รู้จักใครในวงการ ฉันเป็นแค่เด็กบ้านนอก ไม่มีใครในรัศมีหนึ่งพันไมล์ทำอาชีพแบบนี้ระหว่างเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยท้องถิ่นของรัฐอิลลินอยล์ในปี 1976 เม็ทคาล์ฟหลุดเข้าไปอยู่ในกลุ่มนักศึกษาเอกการละครอันประกอบไปด้วย จอห์น มัลโควิช, แกรี ซีนิส, โจน อัลเลน และ เทอร์รี คินนีย์ พวกเขาร่ายมนต์ดำใส่ฉัน แล้วสาปฉันให้กลายเป็นพวกเดียวกัน คนกลุ่มนี้เองที่ร่วมกันก่อตั้งบริษัท สเตพเพน วูล์ฟ ขึ้นชื่อเรื่องการผลิตงานละครอันทรงพลัง เช่น Balm in Gilead ในปี 1983 โดยช่วงเดียวกันนั้นเม็ทคาล์ฟก็ได้เล่นบทเล็กๆ ในหนังเรื่อง Desperately Seeking Susan สองปีต่อมาเม็ทคาล์ฟมีความหวังว่าอาจจะหาหนังเล่นได้อีก หลังจาก แกรี ซีนิส ไปสำรวจเส้นทางในแอลเอล่วงหน้าและประสบความสำเร็จ ฉันว่าจะลองไปเสี่ยงดวงดูสักสองสัปดาห์ และสองสัปดาห์นั้นดันเป็นช่วงที่ซิทคอม Roseanne กำลังประกาศคัดเลือกนักแสดง และฝ่ายคัดเลือกนักแสดงเป็นทีมงานเดียวกับหนังเรื่อง Desperately Seeking Susan พูดได้ว่าฉันอยู่ถูกที่ถูกเวลาพอดี

Roseanne กลายเป็นซิทคอมสุดฮิตตอนออกอากาศในปี 1988 เริ่มต้นด้วยการติดอันดับ 2 ซิทคอมเรตติ้งสูงสุดในอเมริกา ก่อนในซีซั่นต่อมามันจะโค่นบัลลังก์อันดับ 1 ของ The Cosby Show ได้ในที่สุด ฉันไม่รู้ว่าซิทคอมของเราฮิตแค่ไหนจนกระทั่งหลายเดือนต่อมาฉันพาลูกๆ ไปเที่ยวสวนสัตวที่ชิคาโก แล้วจู่ๆ ก็โดนผู้คนล้อมหน้าล้อมหลังถามว่าฉันใช่แจ็คกี้ใน Roseanne รึเปล่า หนังสือพิมพ์รายงานว่าซิทคอมของเราติดท็อป 5 รายการที่คนดูเยอะที่สุดสำหรับการกลับมาอีกครั้งของ Roseanne ในเดือนมีนาคม เม็ทคาล์ฟบอกว่า ตอนอยู่ในกองถ่ายมันมีความรู้สึกเหนือจริง พวกเราเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน เหมือนว่าจริงๆ เราแยกจากกันไปแค่สัปดาห์เดียว

ความสัมพันธ์ขึ้นๆ ลงๆ ของสองพี่น้องใน Roseanne ก็ไม่แตกต่างจากสองแม่ลูกใน Lady Bird แต่เม็ทคาล์ฟเชื่อว่าลึกๆ แล้ว แมเรียน กับ เลดี้ เบิร์ด มีความรักให้กันอย่างลึกซึ้ง เพียงแต่ในช่วงเวลานี้ของชีวิต พวกเธอดูเหมือนจะยั่วโมโหกันและกันตลอดเวลา สุดท้ายพวกเขาก็จะเข้าใจกันเธอกล่าว แม้จะเวียนว่ายอยู่ในวงการแสดงมานานหลายสิบปี แต่เม็ทคาล์ฟยอมรับว่าเธอค่อนข้างอ่อนหัดในการแสดงหนัง และหวังพึ่งคนอื่นให้ช่วยประคองเธอ แต่ฉากที่น่าจดจำและทรงพลังทางอารมณ์ที่สุดฉากหนึ่งของหนังกลับเป็นภาพโคลสอัพใบหน้าเธอเพียงลำพัง ขณะขับรถวนรอบสนามบินซาคราเมนโตแล้วเกิดเปลี่ยนใจกะทันหัน เกรตาบอกว่าเธออยากถ่ายแบบลองเทค ซึ่งทำให้ฉันกังวลไม่น้อยเม็ทคาล์ฟกล่าว ฉันคิดในใจว่า ขับรถวนรอบสนามบิน มันไกลอยู่นะ ฉันไม่รู้ว่าตัวเองน่าสนใจพอจะดึงดูดคนดูได้นานขนาดนั้นมั้ยการที่เธอถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์เป็นครั้งแรกคงเป็นคำตอบที่ชัดเจนในตัวเองอยู่แล้ว



อัลลิสัน แจนนีย์ (I, Tonya)

ตอน อัลลิสัน แจนนีย์ นั่งดู ทอนยา ฮาร์ดิ้ง กับ แนนซี เคอร์ริแกน ลงแข่งโอลิมปิก 1994 เช่นเดียวกับอีก 126 ล้านคน เธอไม่รู้เลยว่าในอนาคตข้างหน้าเธอจะได้เข้าชิงออสการ์ครั้งแรกจากการรับบทเป็นแม่ของฮาร์ดิง คนดูส่วนใหญ่เปิดชมการถ่ายทอดสดเพราะไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้า อดีตสามีของฮาร์ดิงกับบอร์ดีการ์ดเพิ่งถูกจับข้อหาใช้กระบองตำรวจฟาดหัวเข่าเคอร์ริแกน แต่สำหรับแจนนีย์ ยังมีเหตุผลส่วนตัวอีกด้วย น้อยคนจะทราบว่าครั้งหนึ่งเธอเคยอยากเป็นนักสเก็ตน้ำแข็งอาชีพ แต่จำเป็นต้องหยุดเล่นเนื่องจากประสบอุบัติเหตุในงานเลี้ยงของพ่อแม่เธอ มีแข่งเล่นเกมเหยียบลูกโป่งแจนนีย์เล่า ฉันขี้โกงด้วยการผูกลูกโป่งตรงหัวเข่าแทนที่จะเป็นข้อเท้าเพราะฉันสวมชุดเกาะอกยาว คนโกงไม่เคยได้ดี ฉันเป็นพวกจริงจังกับการแข่ง พอมีคนเหยียบชายกระโปรงฉันจนชุดจะหลุด ตอนนั้นฉันอายุ 17 ในงานมีแต่เด็กๆ กับพ่อแม่ ฉันเลยรีบจับชุดแล้ววิ่งเข้าบ้าน ตรงระเบียงเป็นประตูกระจกเลื่อน ฉันนึกว่าเปิดอยู่ เลยชนเข้าจังเบอร์ กระจกหล่นทับฉัน ผลลัพธ์คือกระจกตัดเส้นเลือดใหญ่กับเส้นเอ็นขาด ทำให้เธอเสียเลือดไป 1 ใน 3

แต่มองย้อนกลับไปตอนนี้ นักแสดงวัย 58 ปีคิดว่าความฝันจะลงแข่งโอลิมปิกของเธอคงไม่มีวันเป็นจริงได้หรอก ฉันตัวสูงไป (เธอสูง 6 ฟุต สูงกว่าฮาร์ดิงถึง 11 นิ้ว) ฉันไม่เก่งพอ และโค้ชฉันก็ย้ายไปอยู่อีกเมืองหลังจากนั้นเธอจึงเลือกเข้าเรียนมหาวิทยาลัย แล้วทิ้งความฝันที่จะเป็นนักสเก็ตน้ำแข็ง ซึ่งเธอคิดว่านั่นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว แต่เอาจริงๆ จักรวาลไม่ต้องเตือนฉันแบบถึงเลือดถึงเนื้อขนาดนี้ก็ได้แจนนีย์ตัดพ้อ

เธอเติบโตมาในเมืองเดย์ตัน รัฐโอไฮโอ และศึกษาต่อที่ เคนยอน คอลเลจ ซึ่งห่างจากบ้านแค่สองชั่วโมง ระหว่างเข้าเรียนปีแรก หนึ่งในศิษย์เก่า พอล นิวแมน ได้กำกับเธอในละครเวทีเรื่อง C.C. Pyle and the Bunion Derby เกี่ยวกับการจัดแข่งวิ่งระยะทาง 3,455 ไมล์ นิวแมนกับภรรยาเขา โจแอนน์ วู้ดเวิร์ด ถือเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้แจนนีย์ตัดสินใจย้ายไปอยู่นิวยอร์ก แล้วเข้าร่วมโรงเรียนการละคร เนเบอร์ฮูด เพลย์เฮาส์ ที่นั่นทำให้เธอได้รู้จักมือเขียนบท I, Tonya สตีเวน โรเจอร์ส เก้าปีนับแต่เจอกันเป็นครั้งแรก นิวแมนคว้าออสการ์ไปครองจาก The Color of Money และในคืนวันที่ 4 มีนาคม แจนนีย์ก็อาจจะทำสำเร็จเช่นเดียวกันในบทคุณแม่จากนรก ที่อัดแน่นด้วยความชั่วร้าย เด็ดเดี่ยว และบทพูดสุดฮา โดยหนึ่งในนั้น คือ ตอนที่เธอพูดกับกล้องว่า เรื่องของฉันหายไปเฉย ห่าไรวะเนี่ยซึ่งกลายเป็นบทพูดสุดโปรดตลอดกาลของเธอไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งที่เธอเคยได้รางวัลเอ็มมีมาถึง 7 ตัว โดย 4 ในนั้นจากการรับบทโฆษกทำเนียบขาวใน The West Wing และ 2 ตัวได้จากบทอดีตขี้ยาใน Mom ซิทคอมช่อง CBS ที่ทำเรตติ้งถล่มทลายในช่วง 5 สัปดาห์แรกที่ออกอากาศ  

ลาโวนา โกลเดน ถูกสร้างขึ้นจากบทสัมภาษณ์ฮาร์ดิงและอดีตสามี เจฟฟ์ กิลลูลี เธอเป็นแม่ที่ชอบทารุณลูกทั้งทางร่างกายและวาจา ในฉากหนึ่งเธอปามีดสเต็กปักแขนลูกตัวเอง ก่อนจะด่าลูกในอีกฉากว่า แกเล่นสเก็ตเหมือนทอมเก้งก้างแจนนีย์มองพฤติกรรมของลาโวนาว่าเป็นกลยุทธ์บิดๆ เบี้ยวๆ ที่จะกระตุ้นทอนยาให้พัฒนาพรสวรรค์และศักยภาพของเธอไปถึงขีดสุดเพื่อจะได้หลุดพ้นจากความยากแค้น ถ้าคุณเล่นเป็นคนเลว คุณจะคิดว่าพวกเขาเลวไม่ได้แจนนีย์กล่าว เธอดูออกว่าคนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับเธอ หรือลูกสาวเธอว่าดีพอสำหรับโลกแห่งสเก็ตน้ำแข็ง นั่นสร้างความโกรธแค้นให้กับทั้งคู่ทำให้พวกเขาอยากเอาชนะ พิสูจน์ให้โลกเห็นช่องว่างทางชนชั้นคือรากเหง้าของเรื่องราว ลาโวนาทุ่มเทรายได้ทั้งหมดจากอาชีพสาวเสิร์ฟเพื่อหวังจะสร้างอาชีพให้ลูกสาว แต่ทอนยาเป็นเหมือนแกะดำที่ไม่อาจอยู่ร่วมฝูงได้ตามมาตรฐานของโลกแห่งสเก็ตน้ำแข็งจากชุดที่ตัดเย็บบ้านๆ ด้วยมือและคำหยาบที่หลุดจากปากเธอแบบไร้ตัวกรอง ลาโวนาทำลายล้างทุกคนที่ขวางหน้าเธอ แต่นาทีฉายแสงของเธอ ทำให้เธอเกือบจะได้ใจจากคนดู เป็นตอนที่เธอต้องพูดต่อหน้ากล้องพร้อมกับนกคู่หูบนไหล่ ทางเดียวที่จะทำให้ดูเหมือนว่ามันเป็นนกที่ฉันเลี้ยงไว้จริงๆ คือฉันต้องพยายามไม่ใส่ใจมันให้มากที่สุดแจนนีย์พูด แต่เหมือนมันจะรู้ เหมือนมันจะคิดได้ว่า ฉันจะไม่ยอมเป็นหัวหลักหัวตอ

ใครก็ตามที่ได้ดู Mom คงไม่แปลกใจว่าทำไมแจนนีย์จึงเข้าถึงบทบาทใน I, Tonya ได้อย่างลื่นไหล เพราะเธอได้ซ้อมเล่นบทแม่ห่วยๆ มาตลอด 5 ซีซั่น สตีเวน โรเจอร์ส บอกว่าเขาเขียนบทลาโวนาขึ้นมาเพื่อแจนนีย์โดยเฉพาะ ผมเขียนบทให้อัลลิสันมาหลายครั้งมากๆ แต่เธอไม่เคยได้เล่นสักทีโรเจอร์สเล่า ผมพูดมาตลอดว่า อัลลิสัน แจนนีย์ เหมาะกับบทนี้ที่สุด พูดมาก่อนเธอจะได้อ่านบทซะด้วยซ้ำ ผมรู้ว่าเธอเป็นนักแสดงชั้นยอดบทหนังของโรเจอร์ส เขียนขึ้นจากการได้ไปสัมภาษณ์ฮาร์ดิงกับสามี ซึ่งให้การขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง ทำให้แจนนีย์รู้สึกเหมือนตัวเองด่วนตัดสินฮาร์ดิงเร็วเกินไป เราอาจไม่ถึงกับล้างผิดให้เธอในทุกข้อกล่าวหา แต่ฉันไม่คิดว่าเธอเป็นวายร้าย เธอเป็นเหยื่อของสภาพแวดล้อม การเลี้ยงดู แม่ของเธอ และผู้คนที่รายล้อมรอบตัวเธอแจนนีย์กล่าว

ถ้าจะมีใครสักคนเป็นวายร้ายในหนังเรื่องนี้ คนๆ นั้นคงหนีไม่พ้นลาโวนา แจนนีย์ดีใจที่ได้โอกาสแสดงบทแรงๆ แบบนี้ นี่เป็นความฝันของเธอมาตลอด ความท้าทายอยู่ตรงการค้นหามิติและความเป็นมนุษย์ของตัวละคร ซึ่งฉันเชื่อว่าเธอคงจะเติบโตมาจากสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายเช่นกัน ถูกทารุณกรรมในวัยเด็กแจนนีย์กล่าวถึงบทที่เธอได้รับ เธอมีวิญญาณนักสู้ไม่ต่างจากลูกสาว เธอมุ่งมั่น และไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่อาจฉุดรั้งเธอได้ ตัวละครแบบนี้น่าสนุกดี เดิมพันค่อนข้างสูง แต่มันเปิดทางเลือกมากมายให้คุณในฐานะนักแสดง” (แจนนีย์ไม่มีโอกาสได้เจอตัวจริงของลาโวนา ฮาร์ดิงบอกว่าเธอขาดการติดต่อกับแม่มาหลายปีแล้ว แต่นักข่าวสามารถตามหาลาโวนาจนพบ เธอปฏิเสธว่าไม่เคยทำร้ายร่างกายลูก)



เลสลีย์ แมนวิลล์ (Phantom Thread)

ตัวละครเอกใน Phantom Thread ผลงานกำกับชิ้นล่าสุดของ พอล โธมัส แอนเดอร์สัน อาจเป็น เรย์โนลด์ วู้ดค็อก (แดเนียล เดย์-ลูว์อิส) นักออกแบบเสื้อผ้าจอมเจ้ากี้เจ้าการ แต่บทบาทของผู้ทรงอิทธิพลแท้จริงในเรื่องราวกลับตกอยู่บนบ่าของตัวละครผู้หญิงสองคนที่ยังมีลมหายใจกับอีกหนึ่งวิญญาณที่ตามหลอกหลอน แม้เรย์โนลด์จะเป็นชายเจ้าระเบียบ ชอบตั้งกฎเกณฑ์สารพัด แต่ทุกแง่มุมในชีวิตเขาทั้งเรื่องส่วนตัว ตลอดจนอาชีพการงานล้วนถูกบงการโดยเพศหญิงที่ล้อมรอบเขา โดยคนที่น่าหวาดกลัว เกรงขามมากที่สุดคงหนีไม่พ้นพี่สาวเขา ซีริล (เลสลีย์ แมนวิลล์) ซึ่งคอยดูแลกิจการกับการเงินของบริษัทแบบเสร็จสรรพ รวมถึงควบคุม โรงงานให้เดินเครื่องได้อย่างต่อเนื่อง เมื่ออยู่ในมือของแมนวิลล์ เธอทำให้ซีริลเป็นผู้หญิงแกร่ง อาจดูแข็งกระด้าง เย็นชา แต่ก็มีเสน่ห์ดึงดูดบางอย่างที่ทำให้ผู้ชมไม่อาจละสายตาจากเธอได้ เธอทำให้เรย์โนลด์ รวมไปถึงคนดูต้องคอยระแวดระวังอยู่ตลอดเวลาจากการแสดงออกเพียงน้อยนิด ฉากที่น่าตื่นตะลึงสุดคงหนีไม่พ้นตอนเธอเตือนน้องชายว่าอย่าอาจหาญต่อกรกับเธอ เพราะเขาจะต้องลงเอยเป็นฝ่ายลงไปกองกับพื้น เธอพูดโดยไม่ได้ขึ้นเสียง หรือแสดงท่าทีคุกคามใดๆ แต่กลับไม่มีใครสงสัยในคำอ้างดังกล่าวแม้แต่น้อย

นี่เป็นงานแสดงอันน่าทึ่ง ทว่าลุ่มลึกอย่างคาดไม่ถึง แถมยังทำลายล้างสิ่งที่ฮอลลีวู้ดเข้าใจ และมักยัดเยียดให้กับนักแสดงหญิงอายุ 40 อัพมาตลอด ตอนนี้ฉันมีทั้งหนัง ซีรีส์ทีวี และละครเวทีนักแสดงวัย 61 ปีจากอังกฤษกล่าว งานดูจะหลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด ทั้งที่อายุขนาดนี้แล้ว การที่ฉันยังมีงานเยอะด้วยวัยขนาดนี้ถือเป็นเรื่องเหลือเชื่ออย่างยิ่งตอนนี้แมนวิลล์กำลังถ่ายทำซีซั่นสองของซีรีส์ Harlots ทางช่อง Hulu และเตรียมเล่นละครเรื่อง Long Day’s Journey Into Night ของ ริชาร์ด แอร์ ดัดแปลงจากบทละครคลาสสิกของ ยูจีน โอนีล โดยเธอจะเล่นประกบ เจเรมี ไอรอนส์ แมนวิลล์ไม่ได้คาดหวังว่าทุกอย่างจะเป็นเช่นนี้ไปตลอด แต่เธอเชื่อว่าสถานการณ์ในอุตสาหกรรมเริ่มดีขึ้นสำหรับนักแสดงที่ผ่านพ้นวัยสาวมาแล้ว คนเริ่มตระหนักว่าผู้หญิงขึ้นเลขสี่ก็อยากไปดูหนังที่คนวัยเดียวกันเป็นตัวเอก ที่สะท้อนภาพชีวิตของพวกเธอ เริ่มมีจุดพลิกผันเกิดขึ้น ผู้หญิงอย่าง เฮเลน เมียร์เรน, เมอรีล สตรีพ, แอนเน็ต เบนิง ได้รับบทเป็นผู้หญิงที่ยังทรงเสน่ห์ ยังสนใจในความรัก ตลอดจนยังไม่หยุดสำรวจเรื่องทางเพศ มันไม่ใช่ว่าพวกเราทุกคนพากันหยุดมีเซ็กซ์หลังขึ้นเลขสี่ หรือกระทั่งเลขสามสำหรับในฮอลลีวู้ด

ชีวิตทางเพศของซีริลถือเป็นตัวแปรคู่ขนานที่น่าสนใจใน Phantom Thread ซึ่งเน้นเล่าถึงความสัมพันธ์ครั้งใหม่ของเรย์โนลด์กับหญิงสาวที่อ่อนวัยกว่าเขาหลายปี อัลมา (วิคกี้ ครีปส์) เธอกลายเป็นหนึ่งใน แรงบันดาลใจของเรย์โนลด์ เช่นเดียวกับผู้หญิงอีกหลายคนก่อนหน้านี้ (หนังเปิดเรื่องด้วยการที่ซีริลช่วยเขี่ยทิ้ง แรงบันดาลใจคนก่อนของเรย์โนลด์) แต่เธอก้าวไปไกลกว่าความคาดหวังของเขา แล้วทำให้ได้รับความเห็นชอบ หรือกระทั่งยอมรับนับถือจากซีริล สถานะสาวโสดของซีริลถูกพูดถึงเป็นระยะ และมันเริ่มกลายเป็นภาระที่หนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆ บนบ่าเธอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเทียบกับชีวิตรักอันไม่เคยหยุดพัฒนาของเรย์โนลด์ ในที่สุดเธอจึงตระหนักว่าไม่เพียงแต่น้องชายเท่านั้นที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่ยังรวมไปถึงเธอเองด้วยที่ต้องทำใจยอมรับในเส้นทางชีวิตของตัวเอง

ซีริลพลันตระหนักว่าน้องชายเธออายุ 50 กว่าแล้ว บางทีเขาอาจต้องการบางอย่างซึ่งซีริลเองก็ต้องการเช่นกัน แต่คงเป็นไปไม่ได้แล้วสำหรับเธอแมนวิลล์กล่าว ฉันว่าซีริลชอบอัลมาตรงที่เธอไม่ยอมคน เธอไม่ใช่ผู้หญิงหวานปวกเปียก เธอแข็งแกร่ง หนักแน่น รู้จักใจของตัวเองดี เธอช่วยฝึกเรย์โนลด์ให้เชื่องในแบบที่ซิริลควรจะทำ แต่ทำไม่ได้ เพราะเป็นสิ่งที่คนซึ่งรักคุณในทางโรแมนติกเท่านั้นที่จะสามารถกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนั้นได้นักแสดงสาวขาประจำของ ไมค์ ลีห์ กล่าว ทั้งสองเคยร่วมงานกันมานานนับตั้งแต่ High Hopes จนถึง Secrets & Lies, Topsy-Turvy, All or Nothing, Vera Drake ก่อนเธอจะเริ่มโด่งดังเป็นที่รู้จักจาก Another Year

เช่นเดียวกับหนังหลายเรื่องของ พอล โธมัส แอนเดอร์สัน Phantom Thread เต็มไปด้วยตำนานระหว่างการถ่ายทำ หนึ่งในนั้นคือโลเกชั่นหลักของหนังซึ่งกระตุ้นให้เกิดอาการหวาดกลัวที่แคบอย่างทาวน์เฮาส์สไตล์สถาปัตยกรรมจอร์เจียน มันถูกใช้เป็นทั้งสถานที่ถ่ายทำและพักอาศัยของทีมงาน เดย์-ลูว์อิสบอกว่านั่นเป็นประสบการณ์ที่ เลวร้ายเป็นเหมือนฝันร้ายขนานแท้ ตรงข้ามกับแมนวิลล์ซึ่งมองย้อนกลับไปด้วยความรักใคร่ ก็ไม่ได้แคบขนาดนั้นเธอหัวเราะ มันเป็นบ้านหลังโตตั้งอยู่ตรงจัตุรัสฟิทซ์รอย ที่ยอดเยี่ยมมาก คือ เราใช้พื้นที่ทุกตารางนิ้วของมันอย่างคุ้มค่า ให้ความรู้สึกเหมือนเราได้เข้าไปอยู่ในบ้านและออฟฟิศของพวกตัวละครทุกวัน

ถึงแม้รายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องราวในหนังจะถูกเก็บเป็นความลับจากสื่อและสาธารณชนมาตลอด แต่แอนเดอร์สันส่งบทให้กับนักแสดงของเขาหลายเดือนก่อนเริ่มถ่ายทำ พร้อมทั้งส่งอัพเดทตามไปด้วยหากมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขเกิดขึ้น แมนวิลล์บอกว่าเธอรู้สึกเหมือนมีส่วนร่วมอยู่ตลอดเวลามีอย่างหนึ่งที่ฉันชอบในการทำงานร่วมกับพอล ใช่ เรามีบทหนัง แต่มันไม่ได้เข้มงวดมากเธอกล่าว นั่นไม่ได้แปลว่าเราเขียนบทกันใหม่ระหว่างถ่ายทำ เราแค่ทดลองเล่นฉากแต่ละฉากว่ามันควรออกมาเป็นอย่างไร มีความจำเป็นต้องขัดเกลาตรงไหน เราไม่อาจรู้ได้เลยว่าสุดท้ายแล้วมันจะไปลงเอยตรงจุดไหน อย่างไรก็ตาม ตรงข้ามกับงานละครเวทีซึ่งแมนวิลล์ถนัด แอนเดอร์สันไม่ชอบการซ้อม เขาอยากใช้เวลาเหล่านั้นสำหรับการถ่ายทำมากกว่า ซึ่งแมนวิลล์คิดว่าสมเหตุสมผลดี มันไร้สาระถ้าจะซ้อมฉากในหนังเป็นเวลา 5 สัปดาห์แบบเดียวกับละครเวที ฉากในหนังกินเวลาแค่นาทีครึ่ง คุณมีกล้องตัวเดียว ถ่ายไปทีละนิด เจาะไปทีละคน เราสามารถถ่ายฉากหนึ่งโดยใช้เวลาสองหรือสามวัน ซึ่งพอถึงวันที่สามมันก็เหมือนคุณได้ซ้อมฉากนั้นจนทะลุปรุโปร่งแล้ว เพราะเราต้องเทคเป็นสิบๆ ครั้งกว่าทุกอย่างจะออกมาสมบูรณ์พร้อม จากนั้นแมนวิลล์ก็เสริมว่า หลายคนคิดว่าอัจฉริยะอย่างพอลจะไม่ยืดหยุ่น แต่เปล่าเลย เขาเป็นคนสบายๆ เขาไม่ได้เลือกนักแสดงมาเป็นหุ่นประกอบฉาก เขาอยากได้ความคิดเห็นจากคุณ เขาอยากทำงานร่วมกับคุณ

ไม่มีความคิดเห็น: